แบงก์เอเชียโชว์กำไรจากการดำเนินงาน 958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178% พร้อมตั้งสำรองใหญ่ครั้งสุดท้าย และย้ำความแข็งแกร่งด้วย BIS ที่สูงถึง 14.3%

19 Jul 2002

กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--ธนาคารเอเชีย

แบงก์เอเชียแจ้งผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2545 โชว์กำไรจากการดำเนินงาน 958 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 178 ย้ำธนาคารประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจทุกด้าน จนสามารถสร้างรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 57 พร้อมตั้งสำรองใหญ่ครั้งสุดท้ายเพื่อความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต เผยภายหลังการตั้งสำรองธนาคารยังคงความแข็งแกร่งของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงถึงร้อยละ 14.3 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจของธนาคารในอนาคตได้อย่างเต็มที่

นายจุลกร สิงหโกวินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบ การครึ่งปีแรกของธนาคาร ประจำปี 2545 ก่อนตรวจสอบ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2545 ธนาคารมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 958 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 178 โดยธนาคารสามารถสร้างรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 57 พร้อมประสบความสำเร็จจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการขายสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 อีกทั้งยังสามารถสร้างกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายได้สูง 84 ล้านบาท

"ในครึ่งปีแรกธนาคารยังคงสานต่อนโยบายในการขยายฐานลูกค้ารายย่อย ด้วยบริการ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลายหลาย ประกอบกับการสร้างวัฒนธรรมการขายให้กับพนักงานทุกคนในองค์กร รวมถึงการบริหารและจัดการด้านฐานข้อมูลที่ธนาคารได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารสามารถกำหนดกลยุทธ์การขายในรูปแบบ Cross Sales ที่สามารถผสมผสานบริการ และผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงความต้องการ และความพึงพอใจในการใช้บริการให้กับลูกค้าของธนาคารในทุกกลุ่ม ส่งผลให้ธนาคาร สามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่งสูงขึ้นถึงเกือบ 2 ล้านรายในปัจจุบัน"

นายจุลกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางด้านฐานะการเงินของธนาคารก่อนตรวจสอบ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2545 เปรียบเทียบกับฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2544 ธนาคารมียอดสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 164,751 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ยอดเงินฝากรวมทั้งสิ้น 142,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 ยอดสินเชื่อ (หักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) รวมทั้งสิ้น 96,691 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 จากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการชำระคืนเงินกู้ของลูกหนี้ และเพื่อให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์

ธนาคารได้มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 5 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นการตั้งสำรองใหญ่ครั้งสุดท้าย และเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้มาก ส่งผลให้ธนาคารมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 3,899 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการตั้งสำรองครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ธนาคารไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกันสำรองอีกในอนาคต ทั้งนี้จะมีเพียงการตั้งสำรองตามการดำเนินธุรกิจปกติเท่านั้น

"ธนาคารยังคงดำเนินนโยบายในการสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ โดยในช่วงเดือนมิถุนายน ธนาคารสามารถเพิ่มทุนจดทะเบียน และมีจำนวนเงินเข้ามาทั้งสิ้น 6,339 ล้านบาท อย่างไรก็ตามภายหลังการตั้งสำรอง ธนาคารยังคงแสดงความแข็งแกร่งของเงินกองทุนซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 15,872 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.29 ต่อสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจของธนาคารในอนาคตได้อย่างเต็มที่" นายจุลกร กล่าว--จบ--

-ปส-