ฟอร์ด เผยนายกทักษิณ ให้การสนับสนุน “นวัตกรรมใหม่" กระบะเรนเจอร์รุ่น ‘Open Cab ’

15 Jul 2002

กรุงเทพฯ--15 ก.ค.--ฟอร์ด (ประเทศไทย)

ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตรพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมชมพัฒนาการของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาคตะวันออก ณ นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อหลักของ “การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 4 (ภาคตะวันออก) ณ จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ในโอกาสเดียวกันนี้ นายฉัตรชัย บุนนาค ประธานบริษัท ฟอร์ด โอเปอเรชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้การต้อนรับและแนะนำรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นใหม่ ‘Open Cab ’ ซึ่งเตรียมเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ เผย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมนวัตกรรมใหม่ และพร้อมสนับสนุนการเติบโตอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคนี้

“ฟอร์ด ต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ให้การสนับสนุนการลงทุน และส่งเสริมการพัฒนาของ อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกเหนือจากการเข้ามาลงทุนของฟอร์ด มูลค่านับหมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประเทศแล้ว การที่รัฐบาลไทยมีนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางยานยนต์ของภูมิภาคนี้ จะส่งผลไปถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่น่าลงทุน สามารถนำเงินตราจากต่างประเทศเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยให้มีความ มั่นคง และฟื้นตัวจากช่วงวิกฤติที่ผ่านมาได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น” นายฉัตรชัย บุนนาค ประธานบริษัท ฟอร์ด โอเปอเรชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว ”ฟอร์ด ก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย ในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปีกว่า นับตั้งแต่ที่เราเริ่มส่งออกครั้งแรกจนถึงปัจจุบันได้ส่งออกรถกระบะจำนวนกว่า 220,000 คันไปยัง 114 ประเทศทั่วโลก และคิดเป็นเม็ดเงินจากการส่งออกนับแสนล้านบาท โดยจะหมุนเวียนอยู่ในประเทศของเรา ในรูปของการจ้างแรงงาน การสั่งซื้อชิ้นส่วนจากผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การอบรมต่างๆ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้พัฒนาขึ้นไปเทียบเท่ากับประเทศผู้ผลิตชั้นนำของโลก”

สำหรับรถกระบะ เรนเจอร์ (กระบะนิรภัยคันแรกของไทย) รุ่นใหม่ ‘Open Cab ’ ที่เตรียมการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ คือ นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่ฟอร์ดได้ทุ่มเทคิดค้นเพื่อตอบสนองการใช้งานอย่างอเนกประสงค์ เพื่อความสะดวกสบายและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยรถรุ่นนี้เมื่อมองจากภายนอก จะเหมือนกับรถกระบะรุ่นซูเปอร์แค็บ ทุกประการ แต่มีจุดเด่นที่เหนือกว่า คือตรงส่วนของแค็บนั้น สามารถเปิดออกได้ ซึ่งฟอร์ด เรียกระบบนี้ว่า RAS (Rear Access System)

“บานเปิดบริเวณแค็บ ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างตัวถังที่เปิดได้ เท่านั้น และที่สำคัญโครงสร้างของรถคันนี้ก็คือ รถกระบะธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่รถกระบะ 4 ประตู ซึ่งจากการที่ ฯพณฯ นายก ได้มาสัมผัสและเห็นของจริง ท่านก็เห็นด้วยในหลักการว่า บานเปิดนี้เป็นผลพวงที่เกิดจากการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสมควรได้รับการสนับสนุน ดังนั้นจะให้โครงสร้างภาษีมาเป็นอุปสรรคขวางกั้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีซึ่งเกิดขึ้นใหม่ไม่ได้” นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติม"

รถกระบะดังกล่าว หากเมื่อนำไปจำทะเบียนก็จะถูกกรมขนส่งทางบกแจ้งให้จดทะเบียนอยู่ในประเภทรถยนต์กระบะ เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติเป็นรถยนต์นั่งกึ่งกระบะหรือ Double Cab

RAS เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2540 โดยติดตั้งอยู่ในรถกระบะฟอร์ด F-150 ซึ่งเป็นรถกระบะที่ขายดีที่สุดในโลกติดต่อกัน 25 ปีจนถึงปัจจุบัน ระบบนี้ถูกออกแบบเป็นพิเศษให้เปิดได้ก็ต่อเมื่อเปิดประตูด้านหน้าแล้วเท่านั้น ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าในสหรัฐเป็นอันมาก ในปัจจุบันกระบะรุ่นซูเปอร์แค็บที่จำหน่ายอยู่ในประเทศสหรัฐ จะเป็นกระบะที่ติดตั้งระบบ RAS ถึง 50% จากความสำเร็จของ RAS ฟอร์ด ประเทศไทย ในฐานะฐานการส่งออกรถกระบะ 1 ตันรายใหญ่ที่สุดในโลกของฟอร์ด จึงได้ทำการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาพัฒนาติดตั้งในรถกระบะเรนเจอร์ ตั้งแต่ปี 2541 และอีกไม่นานเกินรอ ลูกค้าชาวไทยจะได้สัมผัสนวัตกรรมใหม่ ที่เกิดขึ้นจริงครั้งแรกในเมืองไทย รวมถึงการส่งออกไปทั่วโลกกว่า 100 ประเทศอีกด้วย

“ประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนานวัตกรรมใหม่ในครั้งนี้ ผู้บริโภค คือผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด เหมือนดังเช่นในอดีต ที่ฟอร์ดเปิดตัวรถกระบะนิรภัยที่มีทั้ง แอร์แบ็ค และเอบีเอส เป็นรายแรก จากนั้นไม่นานบริษัทผู้ผลิตรถกระบะต่างก็ติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ให้กับผู้บริโภค และอีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ รถกระบะ 4 ประตู ที่ฟอร์ดเป็นหนึ่งในผู้นำอีกเช่นเคยในการผลักดันให้รถกระบะในรูปแบบนี้สามารถจำหน่ายในประเทศได้ในราคาที่สมเหตุผล ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับทั้งหมดก็จะตกไปสู่ประชาชนผู้บริโภค ในการได้เลือกใช้สินค้าที่หลากหลาย มีคุณภาพดีขึ้น และมีราคายุติธรรม” นายฉัตรชัย กล่าวสรุป--จบ--

-สส-