กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--สศก.
สศก.รายงานว่า คชก.อนุมัติให้รับจำนำลำไยอบแห้งจากเกษตรกรเพิ่มอีก 20,000 ตัน หากยังมีปริมาณลำไยอบแห้งที่เป็นของเกษตรกรอย่างแท้จริงหลงเหลืออยู่มากกว่าที่อนุมัติ คชก. จะพิจารณาเพิ่มปริมาณการรับจำนำเป็นคราว ๆ ไป
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานว่าในคราวประชุมเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2545 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) พิจารณาแก้ไขความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกลำไย โดยขอให้ขยายปริมาณการรับจำนำเพิ่มขึ้นอีก 40,000 ตัน ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เพิ่มปริมาณการรับจำนำจากที่อนุมัติไปแล้วอีก 20,000 ตัน หากยังมีปริมาณลำไยอบแห้งที่เป็นของเกษตรกรอย่างแท้จริงหลงเหลืออยู่ ก็ให้นำเสนอคณะกรรมการ คชก. พิจารณาเพิ่มปริมาณการรับจำนำเป็นคราว ๆ ไป โดยให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก) และองค์การคลังสินค้า ( อคส.) เข้มงวดกวดขันให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของปริมาณลำไยอบแห้งที่รับจำนำว่าเป็นของเกษตรกรอย่างแท้จริงก่อนออกใบประทวนสินค้าให้ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย อคส. อ.ต.ก. ธ.ก.ส. และฝ่ายเลขานุการฯ ตรวจสอบความถูกต้องของปริมาณรับฝาก/รับจำนำลำไยอบแห้งที่รับจำนำไว้ และปริมาณที่เกษตรกรจะนำมาจำนำเพิ่มเติมว่าเป็นของเกษตรกรจริงหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของการใช้สิทธิในการจำนำของเกษตรกร ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งกับเกษตรกรและทางราชการ ทั้งนี้หากพบว่ามีการใช้สิทธิโดยไม่ถูกต้องหรือมีการสวมสิทธิรับจำนำ ให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเฉียบขาดต่อไป
สำหรับการรับจำนำลำไยอบแห้งนั้นคชก.มีมติเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2545 อนุมัติให้ อ.ต.ก. และ อคส. รับจำนำลำไยอบแห้ง จำนวน 40,000 ตัน โดยให้หน่วยงานละ 20,000 ตัน ในราคาที่กำหนด เกรด AA กิโลกรัมละ 72 บาท เกรด A กิโลกรัมละ 54 บาท และเกรด B กิโลกรัมละ 36 บาท ซึ่งผลการดำเนินการนับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2545 ได้เปิดจุดรับจำนำรวม ทั้งหมด 37 จุด ในจังหวัดเชียงใหม่ 17 จุด ลำพูน 7 จุด เชียงราย 11 จุด และพะเยา 2 จุด รับจำนำลำไยอบแห้งจากเกษตรกรรวมทั้งสิ้น 40,400 ตัน ซึ่งเกินเป้าหมายที่ คชก. ได้อนุมัติไว้ อ.ต.ก. และ อคส. จึงปิดจุดรับซื้อทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2545 เป็นต้นมา ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากมีปริมาณลำไยอบแห้งคงเหลืออยู่ในมือเกษตรกรอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถนำไปจำนำได้--จบ--
-ศน-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit