บีโอไอขยายเครือข่ายเพื่อชักจูงการลงทุนจากสหภาพยุโรปลงนามความร่วมมือกับธนาคารเครดิต อะกริกอล อินโดสุเอซ

30 Jul 2002

กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--บีโอไอ

บีโอไอจับมือธนาคารเครดิต อะกริกอล อินโดสุเอซ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อชักจูงนักลงทุนจากสหภาพยุโรป หลังประสบความสำเร็จในการร่วมพันธมิตรกับแบงก์ญี่ปุ่น โดยจะร่วมมือกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเชิงลึก ตลอดจนการให้คำแนะนำลูกค้าของธนาคาร โดยเฉพาะจากฝรั่งเศสให้มาลงทุนในประเทศไทย

นายสมพงษ์ วนาภา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันนี้ (30 ก.ค. 45) เวลา 13.30 น. ณ อาคารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนาย Christian Prettre เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและกลุ่มธนาคารเครดิต อะกริกอล อินโดสุเอซ (Credit Agricole Indosuez หรือ CAI) ของฝรั่งเศส ซึ่งมีนาย Gerard Delaforge ซีอีโอ เอเชียแบซิฟิค ร่วมลงนาม

การลงนามความเข้าใจครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังบีโอไอประสบความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายการลงทุน โดยการทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับธนาคารขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น 4 ธนาคารมาแล้ว สำนักงานได้มีการส่งเสริมการขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาคอื่น สำหรับสหภาพยุโรป ธนาคารเครดิต

อะกริกอล อินโดสุเอซ ของฝรั่งเศสจะเป็นธนาคารแรก ที่ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ การลงนามดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างบีโอไอกับธนาคาร CAI ของฝรั่งเศส เพื่อร่วมมือส่งเสริมให้เกิดการลงทุนจากสหภาพยุโรป ทั้งจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย โดยจะมีความร่วมมือในด้านต่างๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเชิงลึกระหว่างกัน การให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าของธนาคารที่สนใจลงทุนให้กับบีโอไอ และการจัดกิจกรรมส่งเสริม

การลงทุน เช่น การสัมมนาและการจัดมิชชั่นด้านการลงทุนจากฝรั่งเศสมาไทยและจากไทยไปฝรั่งเศส

" การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการสร้างเครือข่ายชักจูงการลงทุนมายังประเทศไทย เพราะในระยะยาวบริษัทจากฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากการใช้เงินสกุลยูโรเป็นเงินสกุลเดียวในสหภาพยุโรป ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะการแข่งขันสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนต้องการลดต้นทุนการผลิตโดยมองหาแหล่งลงทุนที่มีต้นทุนต่ำ "

นายสมพงษ์กล่าว

ปัจจุบัน ธนาคาร CAI ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่สองของฝรั่งเศส และเป็นอันดับที่เก้าของโลก โดยในปี 2544 ธนาคารมีทรัพย์สินประมาณ 153,000 ล้านยูโร และมีรายได้ประมาณ 3,193 ล้านยูโร ทั้งนี้ ธนาคารมีสาขากระจายอยู่ใน 60 ประเทศทั่วโลก โดยมีสาขาอยู่ในเอเชียถึง 16 ประเทศรวมทั้งสาขาในประเทศไทย ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเป็นเวลาอันยาวนานกว่า 100 ปีแล้ว สำหรับการลงทุนจากประเทศฝรั่งเศสในไทยพบว่า มีบริษัทจากประเทศฝรั่งเศสที่เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทยประมาณ 360 บริษัท และหากพิจารณาจำนวนโครงการลงทุนจาก ฝรั่งเศสที่ได้รับการส่งเสริมในปี 2544 พบว่านักลงทุนจากฝรั่งเศสเป็นผู้ลงทุนในไทยเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มสหภาพยุโรป รองจากเยอรมนี และสหราชอาณาจักร โดยมีจำนวนโครงการลงทุน 11 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุน 1,293 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในสาขาอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามากที่สุด รองลงมาคืออุตสาหกรรมเบา โดยเฉพาะเครื่องประดับ และกิจการในภาคเกษตรกรรมและภาคบริการ

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2545 มีโครงการลงทุนจากฝรั่งเศสที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำนวน 2 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุนกว่า 194 ล้านบาท โครงการแรกเป็นกิจการหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ ของบริษัท S.M.V (Thailand) Co.,ltd มูลค่าเงินลงทุน 120 ล้านบาท โครงการที่ 2 เป็นกิจการหมวดอุตสาหกรรมสิ่งทอ ของบริษัท JACQUARD Textile (Asia) Limited มูลค่าเงินลงทุน 74.1 ล้านบาท--จบ--

-ศน-