กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--วอร์เนอร์บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ย์ (พลูโต แนช) เริ่มอาชีพการแสดงโดยการเดี่ยวไมโครโฟนเมื่อ 25 ปีก่อน เขาร่วมงานกับรายการ Saturday Night Live เมื่ออายุ 19 ในปี 1980 และนับแต่นั้นมาก็ประสบความสำเร็จในการแสดงภาพยนต์ รายได้รวมของภาพยนต์ที่เขาแสดงนับว่าเป็นหนึ่งในจำนวนสูงสุดของวงการ
ผลงานมีชื่อเสียงมากมาย ได้แก่ "48 Hours," "Trading Places," "Coming to America" และหลายภาคของ "Beverly Hills Cop"
ในปี 1989 มีผลงานกำกับการแสดงเรื่องแรกใน "Harlem Nights" คอมเมดี้พีเรียดซึ่งเขาเขียนบทเองและร่วมแสดง กับ ริชาร์ด ไพรเออร์ และ เรด ฟอกซ์ ในปี 1996 เขารับบทตัวละครที่แตกต่างกันถึง 7 ตัวในภาพยนต์บ็อกซ์ออฟฟิซทั่วโลก "The Nutty Professor"เมอร์ฟี่ย์ยังร่วมแสดงและอำนวยการสร้างคอมเมดี้ฮิต "Life" ร่วมแสดงโดยมาร์ติน ลอว์เรนส์; และในคอมเมดี้ฮิต "Bowfinger" กับสตีฟ มาร์ติน; "Dr. Dolittle" และให้เสียงของมูชู มังกรในงานแอนิเมชั่นยอดฮิต "Mulan"
เมอร์ฟี่ย์ยังร่วมแสดงใน "Nutty Professor II: The Klumps," ร่วมแสดงโดยเจเน็ต แจ็คสัน ; "Dr. Dolittle 2"; และร่วมให้เสียงกับ ไมค์ ไมเออร์ส และคาเมรอน ดิแอซ ในงานแอนิเมชั่นยอดนิยมของดรีมเวอร์คส "Shrek"
ผลงานเรื่องต่อไปของเมอร์ฟี่ย์ได้แก่ "I Spy" และกำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ "Daddy Day Care" และเขากำลังจะเริ่มงานสร้างเรื่อง "Haunted Mansion" ให้กับดิสนีย์ ติดตามาด้วยงานภาคต่อของหนังแอนิเมชั่นได้รับรางวัลอเคเดมีของดรีมเวิร์คส "Shrek" ซึ่งเขาจะร่วมงานอีกครั้ง กับไมค์ ไมเออร์ส และคาเมรอน ดิแอซ; และ "The Incredible Shrinking Man" ซึ่งเขาจะร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้าง ไบรอัน เกรเซอร์ แห่งยูนิเวอแซล พิกเจอร์ส และอิมเมจิน เอนเตอร์เทนเมนท์อีกครั้ง
แรนดี้ เควด (บรูโน่) มีผลงานภาพยนต์กว่า 40 เรื่อง ในระยะเวลา 30 ปีของการทำงาน ผ่านบทบาทหลากหลายรูปแบบมาแล้ว และยังเคยร่วมงานคอมเมดี้ ("Quick Change" หนัง National Lampoon Vacation 3 เรื่อง, งานของแฟเรลลี่ บราเดอร์ส "Kingpin," "The Debtors," "The Adventures of Rocky & Bullwinkle"); งานดราม่า ("The Last Detail," ซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ "Bound for Glory," "Midnight Express"); หนังเวสเทิร์น ("The Long Riders," "Missouri Breaks"); และไซ-ไฟ ระทึกขวัญ ("Independence Day," "Parents") ผลงานเรื่องล่าของเควด ซึ่งแสดงให้กับโคลัมเบีย พิกเจอร์ส คื่อเรื่อง "Not Another Teen Movie" ผลงานเรื่องต่อไปของมิราแมกซ์ ได้แก่ "Carolina" เขียนและกำกับการแสดงโดย ไมเคิล พาร์เนส นับว่าไม่เลวเลยสำหรับนักแสดงที่เริ่มต้นจากการเป็นตัวตลกใน Houston's AstroWorld ชาวเท็กซัสโดยกำเนิดผู้นี้ มาถึงจุดหักเหครั้งใหญ่เมื่อผู้กำกับการแสดง ปีเตอร์ บ็อคดาโนวิชเห็นแววของเขาเมื่อครั้งเป็นนักศึกษาที่ University of Houston เควดได้รับเลือกให้แสดงภาพยนต์เป็นครั้งแรก โดยรับบท เลสเตอร์ มาร์โลว์ ชาวกรีกผู้เป็นเอสคอร์ตของสาวงาม ไซบิล เชฟเฟิร์ด ไปในงานนู้ดปาร์ตี้ ในภาพยนต์ที่ได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ "The Last Picture Show" เควด ได้รับบทเดิมอีกครั้งในภาคต่อของหนังโดยบ็อคดาโนวิช ในปี 1990 "Texasville" และยังร่วมแสดงอีกถึงสองครั้งให้กับผู้กำกับคนเดิมใน "Paper Moon" และ "What's Up, Doc?"
ผลงานมีชื่ออื่นๆ ได้แก่ "Hard Rain," "Bye, Bye Love," "The Paper," "Days of Thunder," "Martians Go Home," "Heartbeeps," "The Choirboys," "Breakout," "The Apprenticeship of Duddy Kravitz," "Bloodhounds of Broadway" และ "Out Cold." ด้วยการรับบทกลาสีหัวขโมย แลรี่ เมดโดวส์ กับแจ็ค นิโคลสัน ในหนังของ แฮล แอชบี้ "The Last Detail" ซึ่งทำให้เควดได้รับเสนอชื่อชิงรางวัล Best Supporting Actor. และเขายังร่วมแสดงใน "The Debtors" ซึ่งเป็นผลงานกำกับการแสดงเรื่องแรกของภรรยาของเขา อีวี่ เควด
ปลายปีนี้ เควดจะแสดงในซีรี่ส์โทรทัศน์เรืองใหม่ของฟอกซ์ "The Grubbs" เขาจะรับบท ไมค์ กรับบ์ หัวหน้าครอบครัวใช้แรงงานชั้นกลางที่ไม่มีระเบียบ ทางโทรทัศน์ เควดได้สร้างผลงานประทับใจในบทประธานาธิบดี ลินดอน จอห์นสัน ใหมินิซีรี่ส์ของ NBC "LBJ: The Early Years" ซึ่งเขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำและถูกเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี่ และเขาได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี่เป็นครั้งที่สองในผลงานผลิตโดย ABC เรื่อง "A Streetcar Named Desire" มินิซีรี่ส์และเทเลฟิล์มอื่น ได้อก่ "Frankenstein," "Inside the Third Reich," "Niagara," "The Guyana Tragedy," "Starkweather: Murder in the Heartland," "Roommates," Showtimes' "Next Door" และ "Of Mice and Men" เควดยังมีผลงานทางซีรี่ส์ประจำอย่าง "Saturday Night Live" และแสดงนำร่วมกับ โจนาธาน วินเธอร์ส ในซิทคอม เรื่อง "Davis Rules"
ผลงานละครเวทีของเขายังมีงานของนิวยอร์ค และลอสแอนเจลิส โปรดักชั่น ของแซม เชฟเฟิร์ด "True West" (ร่วมกับน้องชายเดนนิส เควด) และละครของ Shakespeare-in-the-Park "The Golem" และที่ New York's Delacorte Theatre โรซาริโอ ดอว์สัน (ดิน่า เลค) เพิ่งเสร็จสิ้นการร่วมงานใน "Men In Black 2," กับ วิล สมิธ และทอมมี่ ลี โจนส์ ผลงานอื่นที่กำลังจะออกฉายยังมี "The 25th Hour" ให้กับผู้กำกับการแสดง สไปค์ ลี ร่วมแสดงกับ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน และฟิลลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน, "The First 20 Million Is Always The Hardest" ร่วมกับอดัม การ์เซีย, "Nine Scenes About Love" เขียนแลพกำกับการแสดงโดย ผู้กำกับละครเวที ปีเตอร์ แมทตี้ และหนังของเอ็ดเวิร์ด เลิร์นส เรื่อง "Ash Wednesday"
เกิดและเติบโตในนิวยอร์คซิตี้ โรซาริโอ ดอว์สัน มีผลงานภาพยนต์เรื่องแรกในหนังโด่งดังของแลรี่ คลาร์กส เรื่อง "Kids," และจากนั้นรับบทในหนังหนังของสไปค์ ลี เรื่อง
"He Got Game" ซึ่งร่วมแสดงกับแดนเซล วอชิงตัน และมิลล่า โจโววิช และในเรื่อง "Light it Up" ร่วมกับฟอเรสท์ วิทเทคเกอร์ และวาเนสซา วิลเลียมส์ และในเรื่อง "Down to You" กับเฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์ และจูเลีย สไตลส์ ล่าสุดดอว์สันร่วมแสดงใน "Sidewalks of New York," กำกับการแสดงโดย เอ็ด เบิร์นส และใน "Josie and the Pussycats" กับเรเชล ลีห์ คุก และทารา ไรด์ และในเรื่อง "Chelsea Walls" ซึ่งกำกับการแสดงโดยอีธาน ฮอว์ค
โจ แพนทาเลียโน (โมแกน) เริ่มการทำงานแสดงเป็นครั้งแรกในปี 1972 ในบทบิลลี่ บิบบิท แห่งบริษัทนำเที่ยวแห่งชาติใน "One Flew Over the Cuckoo's Nest" นับแต่นั้นมาเขาได้มีผลงานบนเวทีภูมิภาค และปรากฎตัวในกว่า 40 เรื่องของละครนอกบรอดเวย์ รวมทั้ง "Vision of Kerouac" ที่ Lion Theater และ "The Death Star" ที่ Theater of St. Clements ในปี 1976 แพนทาเลียโนย้ายมาฮอลลีวู้ดและแสดงให้กับซีรี่ส์ของ ABC เรื่อง "McNamara's Band" และ "Free Country" นำแสดงโดยร็อบ ไรเนอร์ ก่อนได้รับคัดเลือกให้รับบท แมกกิโอ ในมินิซีรี่ส์ของ NBC เรื่อง "From Here to Eternity" การกลับมายังลอสแอนเจลิสนี้ เขาได้รับรางวัล Dramalogue Award และรางวัล Drama Critics Circle Award เป็นตัวที่สองในเรื่อง "Italian American Reconciliation"
แพนทาเลียโนได้รับเสนอชื่อชิงรางวัล CableAce Award จากการแสดงในซีรี่ส์ระทึกขวัญเรื่อง "Tales From the Crypt" กำกับการแสดงโดย ริชาร์ด ดอนเนอร์ ผลงานมีชื่อทางโทรทัศน์ของเขายังมีบทบาทในดราม่าฮิตของ HBO "The Sopranos" ในบทอันธพาล ราล์ฟ ซีฟาเรตโต, "N.Y.P.D. Blue," "L.A. Law" และ "Civil Wars" เขายังร่วมแสดงในหนัง HBO "El Diablo" และซีรี่ส์ของ NBC "The Fanelli Boys" และดราม่าซีรี่ส์ชื่อดังของ CBS เรื่อง "EZ Streets" ซึ่งเขาได้รับเสนอชื่อชิงรางวัล Viewers Quality Television Award
เขายังประกบบทบาทกับคีอานู รีฟ และลอเรนส์ ฟิชเบิร์น ในหนังที่โด่งดังไปทั่วโลกของพี่น้องวาโชสกี้ "The Matrix" และเรื่องฮิต "Memento" กำกับการแสดงโดย คริสโตเฟอร์ โนลัน และนำแสดงโดยกาย เพียซ และ แครี่-แอน มอส นอกจากนั้นยังมีผลงานสร้างชื่อเสียงมากมายอาทิเช่น "Risky Business," "Running Scared," "La Bamba," "Steven Spielberg's "Empire of the Sun," "Midnight Run," "The Fugitive," "Bad Boys," "Bound" และ "U.S. Marshals" แพนทาเลียโนยังแสดงในงานดราม่าชื่อดัง "Taxman" ซึ่งเขาได้ช่วยอำนวยการสร้าง ในปี 2003 ผลงานของเขาที่จะออกฉาย ได้แก่ "Daredevil" ร่วมแสดงกับเบน อัฟเฟล็ค และเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์
เจย์ มอห์ (โทนี่ ฟรานซิส) ดังเป็นพลุบนจอเงิน และได้รับคำชื่นชมและวิจารณ์ในการสวมบทบาทกับทอม ครูซ ในเรื่องฮิตบ็อกซ์ ออฟฟิซ "Jerry Maguire" ซึ่งกำกับการแสดงโดยแคเมรอน โครว์ เขาเกิดในเวโรน่า นิวเจอร์ซีย์ และแสดงเดี่ยวไมโครโฟนตามวิทยาลัย และคลับคอเมดี้ ก่อนที่จะเข้าร่วมคัดตัวกับ "Saturday Night Live" ซึ่งเขาได้รับความสนใจระดับประเทศจากความประทับใจพิเศษของคริสโตเฟอร์ วอลเคนล ริคกี้ เลค และชอน เพนน์ และอื่นๆ อีกมาก
มอห์เคยร่วมแสดงในหนังอย่าง "Pay It Forward" ร่วมกับเควิน สเปซีย์ และเฮเลน ฮันท์ ; "Picture Perfect" กับเจนนิเฟอร์ แอนิสตัน ; "Go" กับสก็อต วูฟ ; "Playing by Heart" กับชอน คอนเนอรี่ และเอลเลน เบอร์สติน ; "Suicide Kings" กับเดนิส เลียรี่ และคริสโตเฟอร์ วอลเคน ; งานคอเมดี้ "Mafia"; รวมทั้ง "Small Soldiers," "Paulie" และ "200 Cigarettes"
โปรเจ็คทางโทรทัศน์ของเขา ได้แก่ "Peter Dragon" ซีรี่ส์ชื่อดัง, "Action" และเป็นผู้ให้สียงกับหนังของดรู แบรี่มัวร์ "Olive, the Other Reindeer" และเขาเป็นแฟนกีฬาตัวยง จึงเป็นพิธีกรให้กับรายการกีฬา/คอเมดี้/วาไรตี้รายสัปดาห์ "Mohr Sports" ให้กับ ESPN เมื่อมิได้ทำงานภาพยนต์และโทรทัศน์ หาตัวมอห์ได้ตามเวทีของคอเมดี้คลับ และวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ
งานภาพยนต์ที่กำลังจะออกฉายของมอห์ ยังมี "Simone," กับอับ ปาชิ และ "Speaking of Sex" กับบิล เมอร์เรย์, เจมส์ สเปเดอร์ และลาร่า ฟลิน บอยล์
ลูอิซ กุซแมน (เฟลิกซ์ ลารังก้า) ยึดอาชีพการแสดงมาเป็นระยะเวลายาวนาน ตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 70 ซึ่งในครั้งนั้นเขารับบทในดราม่าเกี่ยวกับนักโทษเรื่อง "Short Eyes" นับแต่นั้นมา ได้ร่วมงานในหนังฮิตมากมายหลายเรื่อง รวมทั้งแสดงประกบอัล ปาชิโน ใน "Carlito's Way" หนังดรามา่าโด่งดังของพอล โธมัส เรื่อง "Boogie Nights" และ "Magnolia" หนังระทึกขวัญของสตีเวน สปีลเบิร์ก "Out of Sight", "The Limey" (ซึ่งได้รับเสนอชื่อชิงรางวัล Independent Spirit Award) และ "Traffic" , หนังของซิดนีย์ ลาเม็ต "Q & A" หนังของเวสลี่ย์ สตริค "True Believer" หนังของไบรอัน เดอ พาลมา "Snake Eyes" และแสดงกับแดนเซล วอชิงตัน ใน "The Bone Collector"
ล่าสุดมีผลงานใน "The Salton Sea," จากการกำกับของ ดีเจ คารูโซ และกำลังจะตามมาด้วย "Anger Management" คู่กับ อดัม แซนด์เลอร์ และแจ็ค นิโคลสัน, "Confidence," กำกับการแสดงโดย เจมส์ โฟลีย์, "Punch-Drunk Love," กำกับการแสดงโดย พอล โธมัส แอนเดอสัน และ "Welcome to Collinwood" กับจอร์จ คลูนีย์
กุซแมนเป็นแขกรับเชิญในรายการซีรี่ส์ทีวียอดฮิต "Oz," "New York Undercover," "NYPD Blue," "Homicide: Life on the Streets" และ"Miami Vice"
เจมส์ เรบฮอร์น (เบลเชอร์) มีผลงานประทับใจรายชื่อยาวเหยียดทั้งดราม่า และคอเมดี้ ได้แก่ "Meet the Parents," "The Talented Mr Ripley," "The Adventures of Rocky and Bullwinkle," "Snow Falling on Cedars," "The Game," "Independence Day," "If Lucy Fell," "White Squall," "Up Close and Personal," "I Love Trouble," "My Fellow Americans," "Guarding Tess," "Carlito's Way," "Scent of a Woman," "Lorenzo's Oil," "Blank Check," "8 Seconds," "My Cousin Vinny," "White Sands," "Regarding Henry," "Basic Instinct," "Silkwood" และ "Cat's Eye."
เรบฮอร์นเป็นชาวฟิลาเดลเฟียแต่กำเนิด และจบการศึกษาปริญญาตรีจาก Wittenburg University และได้รับ MFA จาก Columbia บนเวทีบรอดเวย์เขาได้แสดงใน "I'm Not Rappaport" และรับบทด็อก กิ๊บส์ ในงานได้รับรางวัล Tony Award "Our Town" ก่อนหน้านั้น เขาได้รับ Dramalogue Award ในการแสดงที่ LaJolla Playhouse ในเรื่อง "Nebraska" และล่าสุดได้รับบทแพท บรีฟส์ในละคร "The Man Who Had All The Luck" ที่ Roundabout Theatre และยังได้แสดงละครอีกมากมายที่ Manhattan Theater Club, The New York Shakespeare Festival, Lincoln Center Theatre และ The Ensemble Studio Theater และที่อื่นๆ อีกมาก
ทางโทรทัศน์เขาได้รับบทนำใน series and TV movies, including "Third Watch," "Seinfeld," "Law and Order," "Bright Shining Lie," "Mistrial," "The Wright Verdicts," "Guiding Light," "I'll Fly Away," "Sarah, Plain and Tall," "Kate and Allie" และมินิซีรี่ส์ของทอม แฮงค์ส ใน HBO "From the Earth to the Moon"
ปีเตอร์ บอยล์ (โรแลนด์) ผลงานชื่อดังมากมาย อาทิเช่น "Monster's Ball," "The Candidate," "Young Frankenstein," "Taxi Driver," "Beyond the Poseidon Adventure," "The Santa Clause," "Joe," "While You Were Sleeping" และ "Dr. Dolittle."
ผลงานทางโทรทัศน์ได้แก่ มินิซีรี่ส์ "Echoes in the Darkness," และทาง CBS Television Network และ "Guts and Glory: The Rise and Fall of Oliver North," "The Tragedy of Flight 103: The Inside Story" และ "In the Lake of the Woods."
ผลงานทางโทรทัศน์ที่หาชมได้ในตอนนี้ คือบทบาท แฟรงค์ บาโรน บิดาของเรย์ ราโมโน ในรายการของ CBS เรื่อง "Everybody Loves Raymond." เขาได้รับรางวัล 1996 Emmy Award ในฐานะ Outstanding Guest Actor in a Drama Series จากเรื่อง "The X-Files" และยังได้รับเสนอชื่อชิงรางวัล Emmy Award - Outstanding Supporting Actor in a Comedy Series จากเรื่อง "Everybody Loves Raymond" ในปี 1999, 2000 และ 2001 ปีที่ผ่านมา บอยล์ ยังได้การเสนอชื่อชิงรางวัล 2001 Screen Actors Guild - Outstanding Performance by a Male Actor in a Comedy Series จากผลงานเรื่อง "Everybody Loves Raymond."เบิร์ต ยัง (จีโน่) ผ่านผลงานภาพยนต์มากว่า 80 เรื่อง, รวมทั้ง "The Pope of Greenwich Village," "Chinatown" และ "Back to School" ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองจากบทบาทพอลลี่ พี่เขยโมโหร้ายในเรื่อง "Rocky," ได้รับรางวัล Globo d'Oro ของอิตาลี "Americano Rosso" และรางวัลเอ็มมี่จากซีรี่ส์โทรทัศน์ "Baretta"
ผลงานสร้างชื่อเสียงของเขา ได้แก่ "Mickey Blue Eyes," "The Gang That Couldn't Shoot Straight," the sequels to "Rocky," "Cinderella Liberty," "Betsy's Wedding," "The Killer Elite," "The Gambler" และ"Once Upon a Time in America." Young wrote and filmed "Uncle Joe Shannon," "Daddy I Don't Like It Like This" และ "Roomies." ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างงานทำงานกับนวนิยายเรื่อง Endings, และเขียนบทของหนังเรื่อง "Rear View Mirror" และกำลังจัดเตรียมสคริปท์อีกสองเรื่อง : "Haggerty" และ "Rembrandt"
เขาเคยร่วมงานกับโรเบิร์ต เดอ นีโร บนเวทีบรอดเวย์ ในละครเรื่อง "Cuba and His Teddy Bear" และเมื่อเร็วๆ นี้ ยังร่วมแสดงกับลูกสาวของเขา แอนน์ โมเรีย ในงานของอาร์เธอร์ มิลเลอร์ เรื่อง "A View From the Bridge" ในลอส แอนเจลิส
ทางโทรทัศน์ ยังได้แสดงในมินิซีรี่ส์ "The Last Don" รวมทั้ง "Walker, Texas Ranger," "The Outer Limits" และซีรี่ส์ได้รับรางวัลเอ็มมี่ "Law and Order"
มิกูเอล เอ. นูเนซ จูเนียร์ (มิกูเอล) รับบทลิตเติล ริชาร์ด ใน "Why Do Fools Fall In Love," "Life" กับเอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ย์ และมาร์ติน ลอว์เรนส์ และใน "A Thin Line Between Love And Hate" กับมาร์ติน ลอว์เรนส์, ใน "Street Fighter" กับชอง คล้อด แวน ดาม และใน "For Richer Or Poorer," กับทิม อัลเลน และคริสตี้ อัลลี่ เมื่อซัมเมอร์นี้ร่วมแสดงใน "Juwanna Mann" กับวิวิก้า เอ ฟอกซ์ทางโทรทัศน์ ร่วมแสดงกับแมกซี่ สปาร์กส ในรายการของ UPN - "Sparks" (ซึ่งเขาอำนวยการสร้าง), และเป็นแขกรับเชิญกับมาร์ติน ลอว์เรนส์ใน "Martin," รวมทั้ง "Living Single" และร่วมแสดงใน "Tour of Duty"
แพม ไกรเออร์ (ฟลูร่า แนช) มีผลงานภาพยนต์กว่า 30 เรื่อง และทางโทรทัศน์กว่า 20 เรื่องและละครเวทีมากมายระหว่างอาชีพการแสดงของเธอ
นับแต่งานภาพยนต์เรื่องแรกของเธอที่มีให้กับ American International Pictures เรื่อง "Coffy," ไกรเออร์มีผลงานต่อเนื่องมากมาย อาทิ "Foxy Brown," "Greased Lightning," "Fort Apache: the Bronx," "Something Wicked This Way Comes," "Above the Law," "Escape From L.A.," "John Carpenter's Ghosts of Mars," "Snow Day," "Jawbreaker," "In Too Deep," "Holy Smoke," "Mars Attacks!" และ "Bones" และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ - Best Actress in a Comedy จากการแสดงของเธอให้กับเควนติน ทารันติโน เรื่อง "Jackie Brown"
ผลงานทางซีรี่ส์โทรทัศน์ที่ยังฉายอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ "Miami Vice," "Crime Story" และ "Linc's Place" และหนัง "In Living Color" และ"Fresh Prince of Bel Air" หนังสร้างเพื่อฉายทางโทรทัศน์ ได้แก่ "Frank's Place - The Movie," "Family Blessings" และ "Holly Wagner, Star"
บนเวทีละคร ได้แก่เรื่อง "Frankie and Johnnie" ที่ Claire De Lune และ "Telltale Hearts" รางวัลเกียรติยศที่เคยได้รับ ได้แก่ National Black Theatre Festival Award และ African American Film Society Lifetime Achievement Award
จอห์น คลีซ (เจมส์) แทบไม่ต้องกล่าวแนะนำตัว หลังจากการทำงานในวงการบันเทิงมากว่า 40 ปี ในฐานะนักแสดง, นักเขียน, ผู้กำกับการแสดง, ผู้อำนวยการสร้าง และในความเป็นคนมีอารมณ์ขันอย่างล้นเหลือ
อาจเป็นเพราะในปี 1969 ตั้งแต่ซีรี่ส์เรื่องแรก "Monty Python's Flying Circus" ซึ่งสร้างความนิยมให้กับเขาเป็นอย่างมาก ชื่อเสียงในความมีอารมณ์ขันของกลุ่ม Pythons นั้นลือเลื่องในซีรี่ส์ฮิตสามซีรี่ส์ ทัวร์ละครอังกฤษและแคนาดา, การแสดงที่ Theatre Royal, Drury Lane และที่ City Center, New York รวมทั้งที่ Hollywood Bowl พวกเขาสร้างภาพยนต์เรื่องแรกในปี 1971, "And Now For Something Completely Different," และอีกสามปีให้หลังตามมาด้วยเรื่อง "Monty Python and the Holy Grail," ในปี 1978 "Life of Brian" และในปี 1982 "The Meaning of Life"ในปี 1975 เขาได้สร้างสรรค์สิ่งที่ได้กลายมาเป็นปรากฏการณ์ของโลก นั้นคือซีรี่ส์ทางโทรทัศน์ "Fawlty Towers" ซึ่งตามมาด้ววยภาคสองในปี 1979
เขาเขียนบท อำนวยการสร้างและร่วมแสดงใน "A Fish Called Wanda," ร่วมแสดงโดยเควิน ไคลน์, เจมี่ ลี เคอติส และไมเคิล พาลิน ซึ่งออกฉายเมื่อปี 1988 คลีซ ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทอง, ออสการ์ และ Writers Guild of America - Best Screenplay และคลีซยังได้รับ BAFTA Award - Best Actor และหนังยังได้รับการเสนอชื่อชิง Best Screenplay อีกด้วย
ผลงานหนังอื่นๆ ได้แก่ : "Harry Potter and the Sorcerer's Stone," "Clockwise"; "Time Bandits"; "The Great Muppet Caper"; "Privates on Parade"; "Silverado"; "Splitting Heirs"; "Mary Shelley's Frankenstein"; "The Jungle Book"; "Fierce Creatures"; "Out of Towners"; "Isn't She Great"; "The World is Not Enough"; และ "Rat Race" นอกจากนี้ยังได้เป็นผู้จัด Amnesty Concert "A Poke in the Eye" เป็นครั้งแรก (กำกับโดยโจนาธาน มิลเลอร์) ในปี 1975 และกำกับการแสดง "The Secret Policeman's Ball" อีกครั้งสำหรับการขึ้นเวทีของ Amnesty ในปี 1979 เขายังร่วมกำกับการแสดง "The Secret Policeman's Other Ball" ในปี 1981 และหนังที่กำลังจะออกฉายในเรื่อง "Harry Potter and the Chamber of Secrets" และ "Die Another Day."
ผลงานโดดเด่นยังรวมถึงรายการโทรทัศน์ของ BBC "The Frost Report," "The Frost Program" และ "At Last the 1948 Show" ซึ่งได้รับการเปิดตัวเขาในปี 1966 และ 1967 กับผู้ชมชาวอังกฤษ ; ในปี 1980 บทบาทของเพตรูชิโอ ในงานดัดแปลงของเชคสเปียร์ทาง BBC "The Taming of the Shrew"; และของ LWT "Whoops Apocalypse" และล่าสุดของ BBC "The Human Face"
คลีซยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทจัดการฝึกสอนภาพยนต์ ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Video Arts (ได้รับรางวัล Queen's Award to Industry for Exports) และยังได้ร่วมเขียนหนังสือเป็นที่พึ่งแห่งตนเองถึงสองเล่ม Families & How to Survive Them and Life และ How to Survive It (ทั้งคู่ร่วมกับ ดร. โรบิน สกินเนอร์), และเล่มแรกได้ถูกผลิตเป็นรายการวิทยุ 4 ตอนทาง BBC Radio เขาสำเร็จการศึกษาจากเคมบริดจ์ (MA), และเป็นอธิการบดีของ St. Andrew's University เป็นเวลา 3 ปี (Honorary LL.D) และในปี 1999 ได้รับเลือกให้เป็น Andrew D. White Professor-at-large ของ Cornell University
ABOUT THE FILMMAKERS
รอน อันเดอร์วู้ด (ผู้กำกับการแสดง) มีผลงานกำกับการแสดงเรื่องแรกในปี 1990 ในภาพยนต์ไซ-ไฟ คอเมดี้ "Tremors" หนังเรื่องนี้ ซึ่งเควิน เบคอนร่วมแสดงด้วย ได้กลายเป็นเรื่องฮิตแบบม้ามืด
ตามติดความสำเร็จมาด้วย หนังคอเมดี้ที่ประสบความสำเร็จอย่าง "City Slickers," นำแสดงโดยบิลลี่ คริสตัล และแจ็ค พาแลนส์ และ "City Slickers" กลายเป็นหนึ่งในบรรดาภาพยนต์ทำรายได้สูงสุดแห่งปี และทำให้พาแลนส์ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองดาราสนับสนุนชายยอดเยี่ยม อันเดอร์วู้ดยังเป็นผู้กำกับการแสดงให้กับเรื่องแฟนตาซีคอเมดี้รักขมเรื่อง "Heart and Souls," นำแสดงโดย โรเบิร์ต ดาวนี่ จูเนียร์ , ชาร์ลส โกรดิน. ไคร่า เซดจวิค และอัลเฟร วูดาร์ด และได้กำกับการแสดงของไมเคิล คีตัน และจีน่า เดวิส ใน "Speechless" และ "Mighty Joe Young" นำแสดงโดย บิล แพกซตัน และ ชาลิส เธรอน (ยังมีต่อ)
-ศน-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit