สภาอุตสาหกรรมฯจับมือไอบีเอ็มเพิ่มศักยภาพภาคอุตสาหกรรมไทยปลุกกระแสการควบคุมคุณภาพในสายการผลิตด้วยคิวซีโซลูชั่น

15 Mar 2002

กรุงเทพฯ--15 มี.ค.--ไอบีเอ็ม (ประเทศไทย)

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสอทร่วมกับบริษัทไอบีเอ็ม ประเทศไทยจำกัดจัดสัมมนาในหัวข้อ“e-business กับการเพิ่มศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทย”เพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีให้กับเจ้าของผู้บริหารและผู้จัดการอุตสาหกรรมทั้งที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมฯและอุตสาหกรรมรายอื่นทั่วประเทศทั้งนี้สอทมุ่งหวังที่จะยกระดับและเสริมสร้างศักยภาพในการผลิตให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทยโดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดงานสัมมนาดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 19 มีนาคมนี้ระหว่างเวลา 08.30–16.30น. ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลกรุงเทพฯ

นายเขมทัตสุคนธสิงห์รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมไทยในปี 2545 ว่าภาพรวมภาวะการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมในปีนี้ 45 นับว่าประเทศไทยยังสามารถแข่งขันได้ในระดับหนึ่งแต่ปัญหาและอุปสรรคในหลายส่วนยังจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนซึ่งในวันนี้ภาคอุตสาหกรรมจะมุ่งเน้นแต่เพียงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนเพียงอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไปเนื่องจากทันทีที่ผู้ผลิตไทยสามารถปรับลดต้นทุนการผลิตได้ผู้ซื้อต่างประเทศจะขอต่อรองราคาทันทีทำให้ผู้ผลิตไทยไม่ได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของตนเหตุการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ผลิตไทยส่วนใหญ่ไม่มีอำนาจต่อรองทางการค้าดังนั้นสิ่งซึ่งควรจะมุ่งเน้นณเวลานี้ควรจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการบริหารจัดการและการกำหนดกลยุทธ์ทางการค้าที่เท่าทันกับการแข่งขันในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่ (New Economy) โดยผู้ประกอบการไทยจะต้องเรียนรู้ที่จะนำเทคโนโลยีทางด้านสารสนเทศ (Information Technology) การสื่อสาร (Communication Technology) และคอมพิวเตอร์ (Computer Technology) หรือ ICCT มาปรับใช้ในส่วนของการบริหารจัดการและการผลิตเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในทุกด้านอย่างจริงจัง

“จากเขตประเทศไทยหากใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงผู้ผลิตจะสามารถเข้าถึงตลาดที่มีประชากรกว่า 500 ล้านคน หากใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงจะสามารถเข้าถึงตลาดที่มีประชากรกว่า 1,000 ล้านคนและหากใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงก็จะสามารถเข้าถึงตลาดที่มีประชากรกว่า 3,000 ล้านคนซึ่งนับเป็นจำนวนประชากรถึงครึ่งโลกทีเดียวซึ่งหากผู้ประกอบการไทยมีเทคโนโลยีการผลิตการบริหารและการสื่อสารทางการตลาดอันเหมาะสมการที่จะใช้ประโยชน์จากภูมิศาสตร์ของไทยเพื่อเข้าถึงกลุ่มตลาดดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”นายเขมทัตกล่าว

เนื่องจากปีนี้ภาคอุตสาหกรรมมีการมุ่งเน้นการผลิตโดยการนำไอทีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมสภาอุตสาหกรรมได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีและไอทีที่จะนำมาช่วยเพิ่มพูนประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารงานของภาคอุตสาหกรรมจึงได้ร่วมกับบริษัทไอบีเอ็มประเทศไทยจำกัดจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีและอี-บิสซิเนสแก่เจ้าของอุตสาหกรรมทั่วประเทศโดยมุ่งหวังจะให้ภาคอุตสาหกรรมไทยสามารถแข่งขันและทัดเทียมกับตลาดโลกได้

นายธำรงเกียรติวงศ์ผู้จัดการฝ่ายการตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมและธุรกิจทั่วไปบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัดกล่าวว่า“การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารและการผลิตนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับบ้านเราไม่ว่าจะเป็นโซลูชั่น ERP (Enterprise Resource Planning) ซึ่งเป็นโซลูชั่นด้านการวางแผนการผลิตที่ช่วยควบคุมขั้นตอนการทำงาน back office โดยดูแลครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการสั่งซื้อการหาวัตถุดิบการผลิตการจัดเก็บสินค้าการจัดจำหน่ายไปจนถึงการส่งมอบและการชำระเงิน CRM (Customer Relationship Management) ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ช่วยในการเรื่องการบริหารลูกค้าสัมพันธ์และ QC (Quality Control) ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ควบคุมคุณภาพในการผลิตแต่โซลูชั่นดังกล่าวยังไม่ได้ถูกนำมาใช้กันอย่างจริงจังในภาคอุตสาหกรรมไทยด้วยเหตุนี้ในงานสัมมนา‘e-business กับการเพิ่มศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทย’ ครั้งนี้ ไอบีเอ็มได้นำเสนอโซลูชั่น QUMAP/Basic Operations Version 3.3 ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่เหมาะสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโรงงานการผลิตและใช้เครื่องจักรรุ่นใหม่ในการผลิตสู่วงการอุตสาหกรรมไทย”

QuMap Solutions เป็นซอฟต์แวร์โซลูชั่นที่ช่วยในการควบคุมคุณภาพการผลิตด้วยวิธีทางสิถิติหรือที่เรียกว่า Statistic Process Control (SPC) QuMap มีคุณสมบัติในการอ่านค่า SPC ทางสิติสำหรับการคำนวณความสามารถในการผลิตทั้งยังสามารถคำนวณค่าการผลิตว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้หรือไม่ถ้าเกิดการผิดพลาดในขั้นตอนการผลิตหรือการผลิตไม่ได้มาตรฐานระบบจะมีการเตือนให้หยุดการผลิตเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเปล่าในการผลิต

“ผมเชื่อว่าหากเจ้าของอุตสาหกรรมในสายการผลิตของบ้านเรามีความตื่นตัวในเรื่องการควบคุมคุณภาพการผลิตและมีความรู้ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้บริหารงานภายในองค์กรก็จะทำให้อุตสาหกรรมไทยสามารถผลิตสินค้าส่งออกที่ได้มาตรฐานเพื่อแข่งขันกับตลาดโลกได้”นายธำรงกล่าวเกี่ยวกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นองค์กรเอกชนซึ่งไม่แสวงหาผลกำไรทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาคอุตสาหกรรมในการประสานงานระหว่างภาคเอกชนกับรัฐบาลทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 0-2229-4255 หรือ www.fti.or.th

เกี่ยวกับไอบีเอ็ม

ไอบีเอ็มเป็นบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยครองความเป็นผู้นำในการช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สรรค์สร้างนวัตกรรมมานานกว่าปีไอบีเอ็มยังเป็นผู้นำในโซลูชั่นด้านอีบิสิเนสและช่วยลูกค้าบริษัทคู่ค้าและนักพัฒนาโซลูชั่นรุ่นใหม่ในการนำไอทีไปใช้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับความต้องการของทุกประเภทธุรกิจและความจำเป็นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในแต่ละภาคอุตสาหกรรม

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

แผนกประชาสัมพันธ์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

โทร. 0-2229-4255 ต่อ 122-124

คุณอรอุมา วัฒนะสุข ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด

โทร. 0-2273-4117

อีเมล์ [email protected] จบ--

-อน-