บีโอไอจับมือธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ ดึงนักลงทุนญี่ปุ่นมาลงทุนในไทย

13 Mar 2002

กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--บีโอไอ

บีโอไอลงนามบันทึกความเข้าใจกับธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ 1 ใน 4 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เพื่อร่วมกันจัดกิจกรรมสนับสนุนนักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในไทยหวังใช้เป็นเครือข่ายในการดึงดูดลูกค้าทุกระดับ

นายสมพงษ์ วนาภา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันนี้ (12 มี.ค.45) เวลา 14.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ในความร่วมมือส่งเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่นมาสู่ไทย ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ (The Bank of Tokyo-Mitsubishi, Ltd.)

การลงนามความเข้าใจครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างบีโอไอกับกลุ่มธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ ในการจัดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่นให้เข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน การแนะนำลูกค้าธนาคารผู้สนใจลงทุนให้กับบีโอไอ การร่วมกันจัดรับคณะนักลงทุนจากญี่ปุ่น และการจัดสัมมนาการลงทุนรายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร ฯลฯ โดยจะจัดขึ้นในเมืองเศรษฐกิจใหญ่ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น อาทิ โตเกียว โอซาก้า นาโงย่า เป็นต้น

ที่ผ่านมา ธนาคารโตเกียวและธนาคารมิตซูบิชิได้จัดสัมมนาเพื่อชักจูงการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นมายังไทยอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ธนาคารโตเกียวและธนาคารมิตซูบิชิยังแยกกันอยู่ โดยธนาคารทั้งสองแห่งได้ร่วมกับบีโอไอจัดสัมมนาชักจูงการลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่นมาตลอด จนกระทั่งปี 2539 ธนาคารทั้งสองแห่งได้ควบรวมกันเป็นธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ และเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพรองรับการลงทุนได้เป็นอย่างดี จึงตัดสินใจร่วมมือกับบีโอไอเพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนอย่างจริงจังมากขึ้น

นายสมพงษ์กล่าวด้วยว่า การที่จะชักจูงการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นจำเป็นที่จะต้องลดปัญหาและอุปสรรคในการลงทุน รวมทั้งสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี ซึ่งการลงนามความเข้าใจกับกลุ่มธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิในครั้งนี้จะช่วยเสริมเครือข่ายการทำการตลาดเชิงรุกในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศเป้าหมายในการชักจูงการลงทุนปีนี้

ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2544 บีโอไอได้ลงนามความเข้าใจกับกลุ่มธนาคาร UFJ ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารที่เกิดจากการรวมตัวของธนาคารซันวาและธนาคารโตไก เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างบีโอไอในการชักจูงนักลงทุนญี่ปุ่นที่เป็นลูกค้าของธนาคาร ให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และในอนาคตอันใกล้นี้ บีโอไอจะร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจนี้กับกลุ่มธนาคารใหญ่ของญี่ปุ่นอีก 2 กลุ่ม เพื่อสนับสนุนการลงทุนจากญี่ปุ่นมาไทย

สำหรับธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ เป็น 1 ใน 4 ของธนาคารญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ทั้งด้านสินทรัพย์และผลประกอบการ โดยมีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 76.38 ล้านล้านเยน มีมูลค่าหุ้นของธนาคารในตลาดหลักทรัพย์ (เมื่อเดือนกันยายน 2544) 5 ล้านล้านเยน และเป็นธนาคารเดียวที่ไม่ได้พึ่งพาการอัดฉีดเงินทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น รวมทั้งมีเครือข่ายต่างประเทศที่แข็งแกร่ง โดยมีสำนักงานในต่างประเทศทั้งสิ้น 205 แห่งครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งสำนักงาน 49 แห่งจากทั้งหมดตั้งอยู่ในเอเชีย และในจำนวนนี้มี 6 แห่งที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย กระจายในเมืองหลักๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ อยุธยา และชลบุรี

ปัจจุบัน ธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ มีลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทญี่ปุ่นในไทยทั้งสิ้นประมาณ 1,500 บริษัท โดยลูกค้ารายใหญ่ๆ ของธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ ได้แก่ บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น บริษัทฮอนด้า มิตซูบิชิ อีซูซุ และผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ป้อนให้กับบริษัทรถยนต์เหล่านี้ นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าหลักของธนาคารยังมีกลุ่มผู้ประกอบการใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ด้วย--จบ--

-สท-