(ต่อ15) บทประชาสัมพันธ์ Leave No Man Behind แบล็ค ฮอร์ค ดาวน์ ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ ฉายวันที่ 8 พฤษภาคม 2545

29 Jan 2002

กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--โคลัมเบีย ไทรสตาร์

ฮันส์ ซิมเมอร์ (Hans Zimmer) - ผู้แต่งดนตรีประกอบ

ฮันส์ ซิมเมอร์ ซึ่งเป็นชาวเยอรมันทำงานสร้างสรรค์ดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดมานานมากแล้ว สำหรับซิมเมอร์ ความสำเร็จมาถึงครั้งแรกในโลกของดนตรีป็อบ ในฐานะสมาชิกของวง The Buggles ซิงเกิลของวงที่มีชื่อเพลงว่า Video Killed the Radio Star กลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วโลก และช่วยให้เกิดยุคใหม่แห่งความบันเทิงระดับโลกด้วยการเป็นมิวสิควิดีโอเพลงแรกที่ออกอากาศทางเอ็มทีวี

ต่อมา ซิมเมอร์ได้กล่าวเข้าสู่โลกของงานดนตรีประกอบภาพยนตร์โดยร่วมมือกับคอมโพเซอร์ สแตนลีย์ เมเยอร์ส ระหว่างหลายปีนี้ ซิมเมอร์ได้เรียนรู้ถึงพลังของการผสมผสานจังหวะของดนตรียุคใหม่ เข้ากับท่วงทำนองของดนตรีคลาสสิก ในไม่ช้า ซิมเมอร์ก็เริ่มฉายเดี่ยวโดยสร้างผลงานที่ประสบความสำเร็จมากมายหลายเรื่อง อาทิเช่น A World Apart

ชื่อเสียงที่เพิ่มมากขึ้นของซิมเมอร์นำเขาไปสู่จุดพลิกผัน เมื่อในปี 1988 เขาได้รับการติดต่อให้ทำหน้าที่แต่งดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่อง Rain Man ของผู้กำกับแบร์รี่ เลวินสัน ภาพยนตร์เรื่องนั้นคว้ารางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และทำให้ซิมเมอร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ดนตรีประกอบยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก ปีต่อมา ซิมเมอร์ได้แต่งดนตรีให้กับภาพยนตร์เรื่อง Driving Miss Daisy ที่นำแสดงโดยเจสซิก้า แทนดี้ และมอร์แกน ฟรีแมน ซึ่งเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์อีกเช่นกัน

ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของซิมเมอร์มาถึงในปี 1994 เมื่อเขาแต่งดนตรีให้กับผลงานของดิสนีย์เรื่อง The Lion King อัลบัมซาวน์แทร็คของภาพยนตร์เรื่องนั้นทำยอดขายไปถึง 15 ล้านก๊อปปี้ และยังทำให้ซิมเมอร์คว้ารางวัลออสการ์ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม, รางวัลลูกโลกทองคำ รางวัลอเมริกันมิวสิคอวอร์ด, รางวัลโทนี่ และรางวัลแกรมมี่อีกสองรางวัล

เมื่อสรุปรวมแล้ว ผลงานของซิมเมอร์เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึง 7 ครั้ง ซึ่งก็รวมถึงดนตรีที่เขาแต่งให้กับภาพยนตร์เรื่อง Gladiator, As Good As It Gets, Crimson Tide และ The Preacher's Wife ในปี 1998 ซิมเมอร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสองรางวัล คือในสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยมจาก The Thin Red Line และดนตรีประกอบภาพยนตร์เพลงและภาพยนตร์ตลกจาก The Prince of Egypt

ซิมเมอร์ยังคงสร้างผลงานโดดเด่นให้กับงานดนตรีในภาพยนตร์ต่อไป เขาคือผู้นำในการใช้ดิจิตอล ซินธีไซเซอร์, อีเลคทรอนิค คีย์บอร์ด และเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ล่าสุด และได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการผสานดนตรีดิจิตอล เข้ากับดนตรีแนวออร์เคสตร้าแบบดั้งเดิม

ในปี 2000 ซิมเมอร์แต่งดนตรีให้กับภาพยนตร์ฟอร์ใหญ่ถึงสี่เรื่อง ได้แก่ Gladiator ที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และได้รับรางวัลลูกโลกคำ และรางวัลจากสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์จากงานดนตรีที่โดดเด่นที่สามารถทำยอดขายได้มากกว่าหนึ่งล้านหน่วย และยังมีอัลบัมชุดที่สองตามออกมา ชื่อชุดว่า Gladiator: More Music From the Motion Picture ผลงานจากค่ายยูนิเวอร์แซล คลาสสิก/เดคค้า เร็คคอร์ด งานดนตรีอื่นๆ ของเขาได้แก่ Mission: Impossible 2, The Road to El Dorado และ An Everlasting Piece ที่กำกับโดยแบร์รี่ เลวินสัน จากค่ายดรีมเวิร์กส์ ดนตรีของซิมเมอร์ยังมีให้ได้ยินได้ฟังกันในภาพยนตร์ใหม่เรื่อง Riding Cars With Boys และผลงานของไมเคิล เบย์และเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์เรื่อง Pearl Harbor ดนตรีที่เขาแต่งให้กับภาพยนตร์เรื่อง Hannibal ยังประกอบไปด้วยเพลงโอเปร่าที่แต่งขึ้นมาเพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ และยังคงเป็นเพลงที่ติดครอสโอเว่อร์ชาร์ตของบิลบอร์ด และติดชาร์ตท็อปซาวน์แทร็ค ปัจจุบัน ซิมเมอร์อยู่ระหว่างการทำงานดนตรีให้กับภาพยนตร์การ์ตูนของค่ายดรีมเวิร์กส์เรื่อง Spirit: Stallion of the Cimarron ซึ่งจะเปิดตัวฉายในปีนี้

เดวิด เมอร์ฟี่ และแซมมี่ โฮวาร์ธ-เชลดอน (David Murphy และ Sammy Howarth-Sheldon) - ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย

เดวิด เมอร์ฟี่ และแซมมี่ โฮวาร์ธ-เชลดอน คือสองคอสตูม ดีไซเนอร์ที่ต้องร่วมมือกันออกแบบชุดทหาร และเสื้อผ้าของตัวละครชาวโซมาเลียให้กับภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down นี้

เดวิด เมอร์ฟี่ เกิดในลอนดอน และเริ่มเรียนรู้งานออกแบบเสื้อผ้าเมื่อเขาไปทำงานให้กับ "คอสตูมเฮ้าส์" ในปี 1959 ผลงานที่โดดเด่นของเขา ได้แก่การดูแลงานคอสตูมให้กับภาพยนตร์อย่าง The Mummy I& II, Memphis Belle, Jewel of the Nile และ Chariots of Fire เขายังทำหน้าที่เป็นคอสตูม ดีไซเนอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Brylcreem Boys, Hamburger Hill และ Champions

แซมมี่ โฮวาร์ธ-เชลดอน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคอสตูม ดีไซเนอร์ของ แจนตี้ เยตส์ ซึ่งทำหน้าที่ออกแบบเสื้อผ้าให้กับภาพยนตร์ของริดลีย์ สก็อตต์เรื่อง Gladiator ซึ่งคว้ารางวัลออสการ์มาได้สำเร็จ เธอยังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคอสตูม ดีไซเนอร์ให้กับผลงานของ สตีเว่น เบอร์กอฟฟ์เรื่อง Decadence, ผลงานของเจก สก็อตต์เรื่อง Plunkett and Macleane และภาพยนตร์เอพิคของเชการ์ คาเปอร์เรื่อง Four Feathers โฮวาร์ธ-เชลดอนเคยทำหน้าที่คอสตูม ดีไซเนอร์ให้กับภาพยนตร์ทีวีเรื่องยาวของอังกฤษเรื่อง Zig and Zags Dirty Deeds, New Games Master และ Wanted รวมไปถึงเสื้อผ้าในพิธีแจกรางวัลบริตอวอร์ด รวมไปถึงงานโฆษณาต่างๆ อีกมากมาย โฮวาร์ธ-เชลดอนยังออกแบบเสื้อผ้าให้กับ Cosi Fan Tutti และ Rigoletto ที่ Stowe Opera Season และเรื่อง Children ของ อากาเมมนอน และเรื่อง The Lovers ที่ The Gate Theatre

พันเอกโธมัส แมทธิวส์ นายทหารปลดเกษียณ (Colonel Thomas Matthews) - ที่ปรึกษาด้านการทหาร

พันเอกโธมัส แมทธิวส์เกิดและเติบโตในฟิลาเดลเฟีย สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดร็กเซล และเข้ารับราชการในตำแหน่งร้อยโทในกองทัพสหรัฐ ในปี 1972 พันเอกแมทธิวส์ได้รับปริญญา MBA จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ และปริญญาจากยูเอส อาร์มี่ วอร์ คอลเลจ เขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนการบินเฮลิคอปเตอร์ในปี 1973 และเคยผ่านการปฏิบัติภารกิจมาแล้วทั่วโลก ซึ่งก็รวมถึงสาธารณรัฐเกาหลี, อเมริกากลาง, อ่าวเปอร์เซีย และโซมาเลีย เคยเป็นผู้บัญชาการทหารทุกระดับตลอดเวลาที่รับราชการนาน 28 ปี พันเอกแมทธิวส์ได้เกียรติบัตรทางด้าน Airborne and Air Assault และ Master Army Aviator ด้วยชั่วโมงบิน 4,000 ชั่วโมง ผลงานเยี่ยมยอดของเขาก็รวมถึงผลงานขณะปฏิบัติหน้าที่นาน 8 ปีอยู่ในแผนก 1o1st Airborne Division และเกือบ 10 ปีที่หน่วย 160th Special Operations Aviation Regiment พันเอกแมทธิวส์เป็นผู้บัญชาการภารกิจการบินอยู่กับหน่วย Task Force Ranger ในโมกาดีชู ประเทศโซมาเลีย ในปี 1993 รางวัลที่เคยได้รับ ก็คือ เหรียญ Distinguished Flying Cross, Bronze Star และเหรียญ Air Medal สองเหรียญ แมทธิวส์กับเจสซี่ ภรรยาของเขามีลูกด้วยกันสองคน ชื่อ เมแกน และทอม ทั้งหมดอาศัยอยู่ที่เมืองสปริงฟิลด์

พันเอกลี แวน อาร์สเดล นายทหารปลดเกษียณ (Colonel Lee Van Arsdale) - ที่ปรึกษาด้านทหาร

พันเอกลี แวน อาร์สเดลสำเร็จการศึกษาจาก United States Military Academy ที่เวย์ปอยต์, นิวยอร์ก ในปี 1974 และทำหน้าที่รับใช้กองทัพสหรัฐฯ มาตลอดจนปลดเกษียณในปี 1999 ภารกิจที่แวน อาร์สเดลเคยปฏิบัติมา คือการสังกัดหน่วย Light Infantry และ Special Forces และเวลา 11 ปีที่ประจำอยู่หน่วย First Special Forces Operational Detachment Delta (Airborne) ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ Delta Force พันเอกแวน อาร์สเดลได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็น Sabre Squadron Commander ระหว่างที่รับราชการทหาร พันเอกแวน อาร์สเดล เคยผ่านสมรภูมิรบมาแล้วสามแห่งในตำแหน่งผู้บัญชาการ และได้รับเหรียญกล้าหาญ Silver Star และเหรียญ Purple Heart หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บในการรบ นอกจากนี้ เขายังมีส่วนปฏิบัติภารกิจพิเศษมากมายในตำแหน่งผู้นำ ระหว่างสองปีสุดท้ายที่รับราชการอยู่ แวน อาร์สเดลได้ปฏิบัติหน้าที่ที่เพนตาก้อน ในตำแหน่ง Counterterrorism/Special Projects Branch Chief ประจำ Office of the Assistant Secretary of Defense for Special Operations and Low Intensity Conflict แวน อาร์สเดลยังมีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย และยังทำหน้าที่เป็นนายทหารอาวุโสตัวแทนกระทรวงกลาโหม นอกจากจะได้เหรียญกล้าหาญดังที่กล่าวไปแล้ว แวน อาร์สเดลยังเคยได้รับรางวัล Combat Infantryman's Badge, Master Paratrooper, Master Military Free Fall Winds, Air Assault Wings, Ranger Tab และ Special Forces Tab เขาเกษียณตัวเองในตำแหน่งพันเอก แวน อาร์สเดลยังเคยได้รับการว่าจ้างให้ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปของแผนกดูแลรักษาความปลอดภัย ของบริษัท เบชเทล เนวาด้า ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดการห้องทดลองให้กับรัฐเนวาด้า และโรงงานของกระทรวงพลังงานด้วย นอกจากนี้ เขายังต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่จากองค์กรต่างๆ ของรัฐบาล อาทิเช่น กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงกลาโหม และสมาชิกของชุมชนเจ้าหน้าที่พิเศษ แวน อาร์สเดลยังเป็นผู้รับผิดชอบจัดการโครงการมูลค่ากว่า $85 ล้าน แขนงงานที่เขาได้รับมอบหมายดูแลก็รวมถึงแผนกต่างๆ ของกระทรวงพลังงาน ทางด้านความสามารถในการปฏิบัติงานรับเหตุฉุกเฉิน หน่วยข้อมูล และเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร มาตรฐานการป้องกันอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูง รวมไปถึงเป็นผู้รับผิดชอบต่อการฝึกฝน การออกแบบ และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนความพยายามของรัฐในการต่อสู้กับการก่อการร้าย

ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2001 แวน อาร์สเดลต้องลาพักงานจากเบชเทล เนวาด้านานสี่เดือนเพื่อมาทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการทหารให้กับภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down ในโมร็อคโค ในฐานะทีมงานคนหนึ่ง แวน อาร์สเดลต้องให้สัมภาษณ์กับทีมงานของฮีสทรีย์ แชนเนล ที่จะนำไปออกอากาศในช่วงเดียวกับที่ภาพยนตร์เปิดตัวฉาย

นอกเหนือไปจากดีกรีทางด้านวิศวกรรมจากเวสต์ปอยต์แล้ว แวน อาร์สเดลยังได้รับปริญญา M.S. จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด้ ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.0 เขายังสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเสนาธิการทหาร และจาก U.S. Army War College ที่ซึ่งเขาคว้ารางวัล AWC Foundation Excellence ในสาขางานเขียนยอดเยี่ยม จากโครงการค้นคว้านโยบายที่ชื่อว่า U.S. Special Operations Forces and the Counterproliferation of Weapons of Mass Destruction

ปัจจุบัน แวน อาร์สเดลรับทำงานเป็นที่ปรึกษาทางด้านการก่อการร้ายและด้านความปลอดภัย--จบ--

-สส-

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit