(ต่อ2) ข้อมูลประกอบของ "เปเล่" จับมือกับไฟเซอร์รณรงค์เรื่องโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศทั่วโลก

19 Mar 2002

กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส

"เปเล่"

ถ้าเอ่ยชื่อ เอ็ดซอน อารันเตส โด นาสซิเมนโต (Edson Arantes do Nascimento) คงจะไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าเอ่ยชื่อ "เปเล่" หรือไข่มุกดำ แทบทุกคนคงจะร้อง "อ๋อ" เพราะเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดในโลก เปเล่เป็นชาวบราซิลโดยกำเนิดและเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพมากว่า 20 ปี โดยทำประตูมาแล้ว 1,283 ประตูจากการลงเล่นฟุตบอลใน 1,364 ครั้ง

คนทั่วไปมักเรียกชื่อ"เปเล่" มากกว่าชื่อจริง เขาเกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2483 ที่ เตรส โกราโกเอส มีนัส เคไรส (Tres Coracoes, Minas Gerais) ประเทศบราซิล เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังเมื่ออายุ 15 ปีโดยเข้าร่วมสโมสรซานโตส จูเนียร์ (Santos Juniors) เมื่อปี พ.ศ. 2499 และได้ร่วมทีมชาติบราซิลในเวลาต่อมา ตอนนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าเปเล่จะโด่งดังจนเป็นตำนานในวงการกีฬาเช่นทุกวันนี้

เปเล่ได้ลงแข่งในระดับนานาชาติในนัดที่บราซิลแข่งขันกับทีมอาร์เจนติน่า ซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในครั้งนั้นบราซิลยังเป็นแค่มือวางอันดับสามทวีปอเมริกาใต้ แต่เหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปในปี พ.ศ. 2501 เมื่อหนุ่มน้อยอายุ 17 นำทีมชาติบราซิลขึ้นสู่อันดับหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยบราซิลเอาชนะสวีเดนที่เป็นประเทศเจ้าภาพ และเป็นทีมจากฝั่งอเมริกาใต้ทีมเดียวที่สามารถครองแชมป์ฟุตบอลโลกซึ่งจัดแข่งขันในฝั่งยุโรปใต้ ในการแข่งขันครั้งนั้นเปเล่ทำประตูไปทั้งหมด 53 ประตูทั้งที่บาดเจ็บที่หัวเข่า และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับการกล่าวขานว่า "ราชาแห่งกีฬาฟุตบอล"

ชัยชนะในประเทศสวีเดนได้ทำให้ชื่อเสียงของเปเล่โด่งดังไปทั่วโลกและนั่นเป็นเพียงการเริ่มต้น หลังจากการแข่งขันครั้งนั้นเปเล่ยังนำทีมชนะการแข่งขันฟุตบอลโลกอีก 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2505 และ พ.ศ. 2513 เปเล่ทำประตูจากการแข่งขันในระดับนานาชาติของบราซิลทั้งหมด 97 ประตู

หลังจากร่วมทีมซานโตสอยู่เป็นเวลา 18 ปี เปเล่ก็เข้าสังกัดทีมนิวยอร์ค คอสโมส์ (New York Cosmos) ในลีคฟุตบอลอเมริกาเหนือในปี พ.ศ. 2518 ในช่วง 3 ปีที่เขาอยู่กับนิวยอร์ก เขาได้นำชัยชนะมาประดับเกียรติของตนอีกเมื่อนำทีมเดอะ คอสโมส์ชนะการแข่งขันเอ็นเอเอสแอล (NASL) ในปี พ.ศ. 2520 ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เล่นที่มีคุณค่าสูงสุด เขายังเป็นผู้ทำให้กีฬาฟุตบอลเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา สังเกตได้จากจำนวนกองเชียร์ที่ล้นหลามของเปเล่ในการแข่งขันแต่ละนัด เปเล่อำลาตำแหน่งนักฟุตบอลมืออาชีพเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2520 ในการแข่งขันอันน่าประทับใจต่อหน้าแฟนๆ ประมาณ 75,646 คนที่สนามกีฬาไจแอนท์ (Giant Stadium) โดยครึ่งแรกเล่นให้ทีมคอสโมส์และเล่นครึ่งหลังให้ทีมซานโตส

ถึงแม้ว่าเปเล่จะวางมือจากการแข่งขัน แต่เขาก็ยังไม่ได้ห่างหายไปจากวงการฟุตบอลทีเดียวเพราะเขาได้จัดตั้งค่ายฝึกอบรมฟุตบอลทั่วโลก และทำหน้าที่เป็นทูตสันธวไมตรีทางกีฬาฟุตบอล ได้มีผู้นำเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเขาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ถึง 5 ครั้ง และเขาเองก็เคยแสดงภาพยนตร์อีกประมาณ 6 เรื่อง รวมทั้งเรื่อง Victory ร่วมกับซิลเวสเตอร์ สตาโลน นอกจากนี้ยังเขียนหนังสืออีก 5 เล่มและหนึ่งในนั้นได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Eu Sou Pele

เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2538 เปเล่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกิตติมศักดิ์ทางด้านพลศึกษาของประเทศบราซิล โดยทำงานให้กับหน่วยงานของรัฐบาลที่ออกกฎระเบียบและดูแลด้านกีฬาทุกประเภท ตั้งแต่ระดับมือสมัครเล่นจนถึงระดับมืออาชีพ และเปเล่ได้ลาออกจากตำแหน่งนี้เมื่อเดือนเมษายน 2541 ในปีต่อมาหนังสือไทมส์ ได้ยกย่องให้เปเล่เป็นผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดคนหนึ่งของศตวรรษ โดยเป็นทั้งวีรบุรุษและสัญลักษณ์แห่งศตวรรษนี้ เขายังเคยถูกรับเลือกโดยนิตยสารกีฬา L'Equipe ในฝรั่งเศส, สำนักข่าวรอยเตอร์ และ สถาบันกีฬาแห่งโลกให้เป็นนักกีฬาแห่งศตวรรษถึง 3 ครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :

คุณปองปรัชญ์ สุโรจนะเมธากุล [email protected]

โทร. 0-9922-9542

คุณบุษบา สุขบัติ

[email protected]

โทร. 0-1483-7336

พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส

โทรศัพท์ 0-2271-3531-3, โทรสาร 0-2271-3534--จบ--

-อน-

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit