กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
นักวิเคราะห์หลายสถาบันให้การตอบรับการเพิ่มทุนของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ว่าจะส่งผลดีต่ออนาคตของธนาคารอย่างยิ่ง โดยเชื่อว่าจะเป็นหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนและไม่มีความเสี่ยง เมื่อธนาคารสามารถแก้ภาระหนี้เอ็นพีแอลและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธนาคารในระยะกลางและระยะยาวได้
ตามที่ธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด หรือ DTDB ได้ดำเนินการเพิ่มทุนจำนวน 11,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจในระหว่างที่เศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นและแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อย่าง จริงจัง โดยให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตั้งแต่วันที่ 6 - 12 มิถุนายน 2543 ในสัดส่วนหนึ่งหุ้นเดิมต่อหนึ่งหุ้นใหม่ในราคา 10 บาท พร้อมวอแรนต์หรือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ 1 หน่วย ซึ่งมีอายุการใช้สิทธิ์ 5 ปี โดยใบสำคัญแสดงสิทธิ์นี้สามารถนำไปซื้อหุ้นสามัญได้ในราคา 10 บาทต่อหุ้นนั้น ปรากฎว่ามี
นักวิเคราะห์จากหลายสถาบันทั้งในและต่างประเทศให้การตอบรับการเพิ่มทุนของดีบีเอส ไทยทนุครั้งนี้
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทซาโลมอน สมิธ บาร์นีย์ จำกัด ได้ยกระดับให้ DTDB เป็นหลักทรัพย์ที่น่าลงทุน โดยมีฐานราคาอยู่ที่ 15.6 บาท เนื่องจากหุ้น DTDB มีโอกาสที่จะได้รับการปรับระดับราคาในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อธนาคารสามารถแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอลอย่างมีประสิทธิภาพภายหลังการเพิ่มทุนแล้ว ตลอดจนในระยะยาวธนาคารจะได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์ที่เข้าไปเจาะตลาดลูกค้าที่
ชัดเจน
นายปรีดา เหล่าเจริญวงศ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริลลินช์ภัทร จำกัด มองว่าหากการแก้ปัญหาเอ็นพีแอลของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ เป็นไปอย่างราบรื่น หุ้น DTDB จะเป็นหลักทรัพย์ที่
น่าลงทุนและปราศจากความเสี่ยงที่สุดสำหรับผู้บริหารกองทุน ทั้งนี้ การเพิ่มทุนของธนาคารจะส่งผลดี
อีกทั้งสามารถกระตุ้นและส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันในระยะกลางและระยะยาวของธนาคาร
ขณะที่บทวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ ให้ความเห็นว่า การเพิ่มทุนของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ครั้งนี้ ได้มีการวางแผนอย่างรอบคอบและเหมาะสมกับสถานการณ์ ทั้งในแง่การวางแผนและการกระตุ้นความสามารถในการแข่งขันของธนาคารในระยะกลางและระยะยาว โดยรายงานได้เน้นถึงความพยายามของ
ดีบีเอส ไทยทนุ ที่จะแก้ปัญหาเอ็นพีแอลอย่างโปร่งใส พร้อมทั้งการสนับสนุนของบริษัทแม่ คือ ธนาคาร
ดีบีเอส สิงคโปร์ โดยเฉพาะการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งจะทำให้ดีบีเอส ไทยทนุ กลายเป็นธนาคารระดับกลางที่มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ ยังได้ประเมินมูลค่าของใบสำคัญแสดงสิทธิ์ว่าน่าจะอยู่ในระหว่าง 3-5 บาท ภายใต้สมมุติฐานว่ามีอายุ 5 ปี ขณะที่ราคาหุ้นตัวแม่จะเคลื่อนไหวอยู่ในระหว่าง 10-20 บาท
ราคาหลักทรัพย์ของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาประมาณ 14% และขยับขึ้นมาปิดที่ 8.2 บาทในวันที่ 6 มิถุนายน 2543 นักวิเคราะห์หลายท่านเล็งเห็นว่า สภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ตกต่ำในช่วงที่ผ่านมารวมถึงราคาหุ้นของหมวดอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์นั้นนับเป็นโอกาสที่ดีในการช้อนทำกำไร แม้ว่าในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยและดัชนีหมวดธนาคารพาณิชย์ได้ตกลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของนักลงทุนดูจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ขยับเพิ่มขึ้น 10% ภายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีของหมวดธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มขึ้น 12% โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปิดที่ 345.43 จุด เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2543 ซึ่งนักวิเคราะห์หลายท่านมองว่า จะสามารถไต่ระดับไปถึง 400 จุด หรือสูงกว่านั้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:บริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ จำกัด วราพร สมบูรณ์วรรณะ หรือ สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์ โทร. 252-9871-7 E-mail: [email protected] จบ--
-สส-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit