กรุงเทพ--30 ก.ย.--สพช.
ดร.พงษ์พิสิฏฐ์ วิเศษกุล ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) เปิดเผยว่า ในภาวะที่ราคาน้ำมันในประเทศมีราคาสูงขึ้น คนไทยควรจะหันมาสนใจกับการประหยัดน้ำมันให้มากขึ้นอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในส่วนของการใช้รถยนต์ซึ่งในแต่ละปีประเทศไทยมีการสูญเสียเงินตราในด้านนี้เป็นจำนวนมากดังนั้นการแก้ไขปัญหาที่ถูกจุดคือ การใช้รถยนต์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับวิธีการขับรถเพื่อให้ประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพที่สุดมีดังนี้
1.ไม่ควรเร่งเครื่องยนต์ก่อนการออกรถ ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น
2.ไม่ควรติดเครื่องยนต์ระหว่างจอดรถรอคอย เพราะการติดเครื่องโดยจอดรถอยู่กับที่ 5 นาทีอาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันถึง 0.3ลิตร และยังก่อให้เกิดไอเสียที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย
3.ขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม โดยอัตราความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำให้ประหยัดน้ำมันที่สุด
4.ใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็วของเครื่องยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังเครื่องยนต์ตกและไม่เปลืองน้ำมัน
5.ไม่บรรทุกสิ่งของเกินพิกัดจะทำให้เปลืองน้ำมัน เช่น หากบรรทุกน้ำหนักเกิน 50 กิโลกรัม น้ำมันที่มีอยู่จะวิ่งได้ระยะทางสั้นลง 1 กิโลเมตรต่อ 1 ลิตร
6.เปิดเครื่องปรับอากาศตามความจำเป็น เครื่องปรับอากาศทำงานได้โดยอาศัยพลังงานจากน้ำมันด้วยและยิ่งปรับให้เย็นมากเกินความจำเป็นก็ยิ่งสิ้นเปลืองน้ำมัน
7.ปรับลมยางให้เหมาะสมตามมาตรฐานผู้ผลิต หากความดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐานทุก ๆ 1 ปอนด์ ต่อตารางนิ้วจะสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณร้อยละ 2
8.คอยตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เข้าศูนย์ตรวจสอบเครื่องยนต์ตามเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด
9.หลีกเลี่ยงสภาพถนนที่ไม่ดี เพราะสภาพถนนที่ไม่ดีจะทำให้เกิดการสูญเสียของน้ำมันเพิ่มขึ้นดังนี้ ถ้าเป็นถนนราดยางที่มีผิวเสียหายเปลืองน้ำมันขึ้นร้อยละ 15 สภาพถนนลูกรังเปลืองขึ้นร้อยละ 35 สภาพถนนทรายแห้ง เปลืองขึ้นร้อยละ 4510.การบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดี ควรเปลี่ยนไส้กรองเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ควรเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นทุก ๆ ระยะ 5,000 กิโลเมตร ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำในแบตเตอรี่ รอยรั่วในระบบน้ำมันเชื้อเพลิง หลีกเลี่ยงการใช้เบรกโดยไม่จำเป็น เพราะสิ้นเปลืองน้ำมันและอายุการใช้งานของเบรกสั้นลง ปรับปรุงสมรรถนะของรถยนต์ให้ดีตลอดเวลาจะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ร้อยละ 3-9
ขณะเดียวกันผู้ใช้รถยนต์ควรจะทำการตรวจสอบและบำรุงรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา โดยเฉพาะการทำความสะอาดไส้กรองอากาศทุก ๆ 2-4 สัปดาห์ กิโลเมตร เพราะถ้าไส้กรองไม่สะอาดแล้วจะทำให้รถยนต์กินน้ำมันเพิ่ม 10% อย่าถอดวาล์วน้ำออกเพราะจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานที่อุณหภูมิต่ำเกินไป ควรตรวจสอบลมยางเพราะถ้ายางอ่อนจะสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่ม 5% ตรวจสอบรอบเดินเบาให้อยู่ในเกณฑ์ 750-850 รอบต่อนาที
นอกจากการใช้และการรักษาสภาพรถยนต์แล้วยังมีโครงการคาร์พูลที่เป็นหนึ่งในหลายโครงการของ สพช. ที่รณรงค์เพื่อการประหยัดพลังงานน้ำมัน ซึ่งคาร์พูลเป็นโครงการการใช้รถยนต์ร่วมกันในทิศทางเดียวกัน ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้มาก ที่ผ่านมาก็มีหลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมโครงการและอยู่ระหว่างการเริ่มโครงการเป็นจำนวนมากแล้วเช่น สพช. สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์บริหารการผลิตอ้อยและน้ำตาล สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน บริษัท สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กลุ่มเอสซีแอสเสท
อีกแนวทางหนึ่งคือ การเลือกใช้น้ำมันเบนซินตามค่าออกเทนให้ถูกต้องตามความต้องการของเครื่องยนต์ จากค่าออกเทนที่กำหนดขึ้นมี 3 ระดับคือ เบนซินออกเทน 95, 91 และ 87 ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดการใช้น้ำมันได้ประมาณ 60 สตางค์ต่อลิตร รวมทั้งยังเป็นการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นราคาน้ำมันสูงขึ้นอีกด้วย สพช. มีหน้าที่ในการเสนอแนะนโยบายและมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับการผลิต และการใช้พลังงานของประเทศ เพื่อให้มีพลังงานเพียงพอ ในราคาที่เหมาะสม มีคุณภาพตามความต้องการของผู้ใช้ มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด และส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยอีกด้วย--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit