อย.ติวเข้มจัดสัมมนา "ฉลากโภชนาการ" ที่เชียงใหม่

21 Jan 1999

กรุงเทพ--21 ม.ค.--อย.

อย.เร่งเครื่องประชาสัมพันธ์การใช้ฉลากโภชนาการตามประกาศฯ ฉบับใหม่ที่ 182 ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2541 โดยจัดโครงการประชุมสัมมนาเรื่อง "ฉลากโภชนาการ" ไปยังต่างจังหวัด เริ่มเขต 10 จังหวัดเชียงใหม่ เป็นครั้งแรกก่อนในวันที่ 19 มกราคม 2542 และจะจัดสัมมนาต่อไปอีก 11 เขต ทั่วประเทศไทย หวังให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขนำความรู้ไปตรวจสอบการแสดงฉลากอาหารที่จำหน่ายในจังหวัดของตนเอง และผู้ประกอบการด้านอาหาร มีความเข้าใจสามารถจัดทำฉลากโภชนาการได้ถูกต้อง

วันนี้ (19 มกราคม 2542) เวลา 8.30 น. ณ โรงแรมเพชรงาม จังหวัดเชียงใหม่ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดสัมมนาเรื่อง "ฉลากโภชนาการ" ว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 182 (พ.ศ. 2541) เรื่อง ฉลากโภชนาการ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่บังคับตามประกาศฯ ต้องแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารบนฉลาก ซึ่งประกาศฯฉบับนี้ได้ใช้หลักการตามที่โครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศของ FAO/WTO (Codex Alimentarius) ที่กำหนดแนวทางไว้สำหรับให้ประเทศต่าง ๆ ใช้ในการพิจารณากำหนดข้อบังคับการแสดงฉลากโภชนาการ ซึ่งมีหลักการสำคัญก็คือ อาหารใดที่มีการกล่าวอ้างคุณค่า คุณประโยชน์ ก็จะต้องมีการแสดงฉลากโภชนาการประกอบข้อกล่าวอ้างนั้นด้วย ซึ่งประกาศฯ ฉบับนี้ ได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2541 ดังนั้น อย.จึงได้จัดโครงการประชุมสัมมนาเรื่อง "ฉลากโภชนาการ" ขึ้น ในต่างจังหวัดทั้ง 12 เขต เพื่อให้เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดผู้ปฏิบัติงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหาร และผู้ประกอบการรับทราบ เข้าใจ และปฏิบัติตามข้อกำหนดของประกาศฯ ได้อย่างถูกต้อง อันจะก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพของประชาชนในการเปรียบเทียบเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารชนิดเดียวกันที่มีคุณค่ทางโภชนาการที่ดีที่สุด

รองเลาขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่าการจัดสัมมนาที่จังหวัดเชียงใหม่นี้เป็นครั้งแรกของโครงการและก็จะเดินหน้าจัดต่อไปให้ครบทั้ง 12 เขต ได้แก่ จังหวัดอยุธยา, อุดรธานี, นครราชสีมา, อุบลราชธานี, สุราษฎร์ธานี, สงขลา, ราชบุรี, ชลบุรี, สระบุรี นครสวรรค์ และจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งอย.คาดว่าโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง "ฉลากโภชนาการ" นี้ จะเป็นนิมิตอันดีในการพัฒยนางานคุ้มครองผู้บริโภค ที่ผู้บริโภคจะสามารถใช้ฉลากโภชนาการให้เป็นประโยชน์แก่ภาวะโภชนาการของตนและครอบครัวได้--จบ--