กรุงเทพ--4 ธ.ค.--บมจ.ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ
ตามมาตรการของทางการเมื่อ 14 สิงหาคม 2541 ที่กำหนดให้ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หยุดดำเนินการ และจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) เพื่อรับโอนลูกหนี้ด้อยคุณภาพของธนาคาร แต่เนื่องจากปัจจุบันยังมิได้มีการประกาศกำหนดกฎกระทรวงเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารจึงยังไม่สามารถจดทะเบียนจัดตั้ง บบส. ได้ อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารต้องเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด ในวันที่ 1 ธันวาคม 2541 นั้น เพื่อให้การดำเนินงานด้านการบริการลูกค้าสินเชื่อ และแก้ไขหนี้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ธปท.โดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารจึงขอให้กรรมการชุดปัจจุบันปฎิบัติงานต่อและคณะกรรมการธนาคารในการประชุมครั้งที่ 14/2541เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2541 จึงได้มีมติให้ปรับโครงสร้างองค์กรของธนาคารใหม่โดยให้มีรูปแบบอัตรากำลัง และแต่งตั้งผู้บริหารตามที่กำหนดไว้สำหรับ บบส. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2541 เป็นต้นไป จนกว่าจะจัดตั้ง บบส. แล้วเสร็จและสามารถรับโอนพนักงานได้
โครงสร้างองค์การที่ปรับใหม่ ประกอบด้วย 15 ฝ่ายงาน โดยมีสายงานหลัก คือ สายงานพัฒนาและจัดการสินทรัพย์ ซึ่งทำหน้าที่ติดตามหนี้ รวมทั้งจัดการและจำหน่ายสินทรัพย์ มีอัตรากำลังตามโครงสร้างทั้งสิ้น 1,475 อัตรา (ไม่รวมพนักงานบริการ และพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกประมาณ 100 อัตรา) เพื่อให้ธนาคารสามารถบริหารงานได้ในรูปแบบของ บบส. นายอัศวิน คงสิริ ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ แต่ยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารอยู่ และโดยมติคณะกรรมการธนาคารจึงได้แต่งตั้ง นายอภิศักดิ์ ตันติวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป รับผิดชอบการดำเนินงานของธนาคารแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะผู้บริหาร รวม 16 คน ประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปอาวุโส 2 คน คือ นายจตุรงค์ อินทรทูต บังคับบัญชาสายงานทั่วไป และนายเลอศักดิ์ จุลเทศ บังคับบัญชาสายพัฒนาและจัดการสินทรัพย์ รวมทั้งผู้บริหารในระดับผู้อำนวยการฝ่ายอีก 14 คน ทั้งนี้ในช่วงของการจัดตั้งและวางระบบ บบส. ได้แต่งตั้ง นายไกรทิพย์ ไกรฤกษ์ และนายอรุณ จิรชวาลา เป็นที่ปรึกษา ซึ่งคาดว่ามีระยะเวลา 6-7 เดือน
ด้านการให้บริการ ธนาคารได้ระงับการให้บริการ ด้านเงินฝากและด้านอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อ ซึ่งทำให้ธนาคารมีความจำเป็นที่จะต้องปิดสาขาบางแห่งลง แต่ลูกค้ายังคงสามารถติดต่อกับสาขาที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ได้ ทั้งนี้ ธนาคารได้ขยายขอบเขตความรับผิดชอบ ของสาขาที่ยังคงเปิดทำการอยู่ เพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของสาขาที่ได้ปิดทำการไป โดยมีสาขาที่เปิดทำการ 24 แห่งทั่วประเทศ ดังนี้ สาขาเชียงราย พะเยา ท่าแพ ลำปาง (สบตุ๋ย) แพร่ พิจิตร ศรีสำโรง เพชรบูรณ์ หนองบัว ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี วังม่วง ระยอง บ้านโป่ง โพธาราม อู่ทอง ปราณบุรี ทับสะแก บ้านดอน สงขลา ปัตตานี สำนักงานเขต 15 (นครราชสีมา) และสำนักงานใหญ่ ลูกค้าธนาคารยังคงสามารถชำระหนีได้ตามปกติด้วยเงินสดหรือเช็คสั่งจ่าย "ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน)" โดยชำระที่สำนักงาน/สาขาของธนาคารที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่
ด้านการพนักงาน จากอัตรากำลังที่กำหนดไว้ ตามโครงสร้าง บบส. จำนวน 1,475 อัตรา ขณะนี้ได้คัดเลือกพนักงานบีบีซีเข้าทำงานต่อ จำนวนทั้งสิ้น 1,390 อัตรา ส่วนที่ขาดไปเนื่องจากมีพนักงานบางส่วนสละสิทธิ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดเลือกทดแทน อีกทั้งยังมีบางตำแหน่งงาน ซึ่งมีบุคลากรภายในไม่เพียงพอ เช่น นิติกร ผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน จำเป็นต้องหาผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้าเสริม อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะดำเนินการคัดเลือกจนครบตามอัตราที่กำหนด ทั้งนี้ในการคัดเลือกพนักงานดังกล่าว ธนาคารได้ให้ความสำคัญพนักงานที่พิการ พนักงานที่เป็นสามีภรรยา บิดามารดา และบุตร เป็นกรณีพิเศษ ตามหลักเกณฑ์ที่ได้ประกาศไว้
สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด โทร. 267 1900 ต่อ 1314, 1316 โทรสาร 233 6890--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit