กรุงเทพ--9 มี.ค.--กฟผ.
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เร่งติดตั้งเครื่องกำจัดฝุ่น ตามโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกงปลอดมลภาวะ เหลือเพียงการกำจัดฝุ่นจากโรงไฟฟ้า คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนกำหนด 1 ปี โดยเครื่องแรกแล้วจะเปิดเดินเครื่องในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนที่เหลือรวม 4 เครื่องจะทยอยแล้วเสร็ตภายในปีนี้
นายพลลักษณ์ สุพัฒน์ราชโภค ผู้จัดการใหญ่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า 1 โรงไฟฟ้า 1 โรงไฟฟ้าบางปะกง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกงปลอดมลภาวะว่า โรงไฟฟ้าบางปะกงมีมาตรการควบคุมสภาวะที่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า เช่น คุณภาพอากาศ, น้ำและเสียง โดยได้มีการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้เหลือเพียงปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า เนื่องจากในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าบางปะกงได้เปลี่ยนเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งปราศจากปัญหามลภาวะมาใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง เพราะก๊าซธรรมชาติที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ส่งมาให้ กฟผ.มีไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เมื่อนำน้ำมันเตามาใช้ทำให้เกิดเขม่าจากการเผาไหม้สร้างความเดือนร้อนรำคาญ แก่ประชาชนในบริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง
นายพลลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า กฟผ.ได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นด้วยการปรับปรุงหัวฉีดเชื้อเพลิงให้มีการเผาไหม้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและนำน้ำมันเตากำมะถันต่ำ (2 เปอร์เซ็นต์) มาใช้ รวมทั้งมีการใช้สารเพิ่มคุณภาพน้ำมันเตา ส่วนในระยะยาว กฟผ. มีแผนดำเนินการติดตั้งเครื่องดักจับฝุ่นแบบประจุไฟฟ้าสถิตย์ รวม 4 เครื่อง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2538 แต่เกิดความล่าช้าเนื่องจากในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมีความต้องการใช้ไฟฟ้ามาก ทำให้ กฟผ.ไม่สามารถหยุดเดินเครื่องเพื่อติดตั้งเครื่องดักจับฝุ่นได้ อย่างไรก็ตามในขณะนี้กฟ.กำลังเร่งติดตั้งเครื่องดักจับฝุ่น คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนด 1 ปี โดยเครื่องแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมศกนี้
นายพลลักษณ์ กล่าวในตอนท้ายว่า กฟผ. มีความเห็นใจประชาชนในบริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าเป็นอย่างยิ่ง และได้พยายามแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่าที่โอกาสจะอำนวย และได้พยายามทำความเข้าใจและให้ความร่วมมือกับ กฟผ.ด้วยดีมาโดยตลอด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.4366820, 4364824 โทรสาร 4364879--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit