กรุงเทพ--29 ธ.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
สถาบันการแพทย์แผนไทยร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีและชมรมแพทย์แผนไทยเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ จัดมหกรรมสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ขึ้นเพื่อเผยแพร่ภูมิปัญญาพื้นบ้านของคนไทยเป็นการสนับสนุนการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างง่ายและประหยัด สนองนโยบายของรัฐบาล
เช้าวันนี้ นายธีระวัฒน์ ศิริวันสาณฑ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติว่า สถาบันการแพทย์แผนไทยมีการจัดมหกรรมสมุนไพร ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2540- 4 มกราคม 2541 ขณะนี้การพัฒนาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรเริ่มได้รับความนิยม ศรัทธาจากประชาชนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาระบบการแพทย์แบบพึ่งตนเอง มนุษย์ควรมีสิทธิที่จะเลือกแนวทางการรักษาตนเอง มีความรู้ในการดูแลสุขภาพ รู้ว่ายาที่ใช้รับประทานถ้าใช้ไม่ถูกกวิธีเกินขนาดหรือสะสมเป็นเวลานาน ก็จะกล่ายเป็นพิษอาจทำให้เกิดอันตรายบางครั้งอาจถึงแก่ชีวิตมีการใช้ยาอย่างฟุ่มเฟือยทำให้สิ้นเปลืองเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก
นายธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทยมีการนำสมุนไพรมาใช้เป็นเวลานานแล้ว มีผักพื้นบ้านกว่า 200 ชนิด ที่สามารถนำมาประกอบอาหารรับประทานซึ่งมีคุณค่าสารอาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพ สามารถแปรรูปให้เป็นยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ เป็นทางเลือกหนึ่งที่สอดคล้องกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ประเพณี และสังคมในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรมีอยู่คาดว่ามีประมาณ 30% ของตลาดยาทั่วประเทศ
ซึ่งหากพัฒนาอย่างเป็นระบบก็จะเป็นทางเลือกนำมาแก้ไขปัญหาสาธารณสุข การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยาไทย ให้เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมอย่างครบวงจรเพื่อเป็นการพึ่งพาตนเอง ในระดับจังหวัดและระดับประเทศ เป็นการสนับสนุนการดูแลตนเองอย่างง่ายและประหยัด ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ คาดว่าจะลดการสูญเสียเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล
การจัดการครั้งนี้นับว่าเป็นการระดมหมอพื้นบ้านและผู้ที่อยู่ในวงการแพทย์แผนไทยเข้าร่วมแสดงพืชสมุนไพรและประกวดสมุนไพรที่หายาก อีกทั้งยังมีการให้บริการอบรมการนวดแผนไทยหลักสูตร 1 วัน การให้บริการนวด อบ ประคบสมุนไพร การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและอาหารเพื่อสุขภาพ ยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงประโยชน์และคุณค่าของภูมิปัญญาไทย เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรีอีกด้วย--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit