กรุงเทพ--28 พ.ย.--วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล
วีซ่าร่วมกับสถาบันการเงินสมาชิกและผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัยโดยการใช้เทคโนโลยี SET 1.0 ในละตินอเมริกาและนับเป็นการทำธุรกรรมโดยใช้เทคโนโลยี SET 1.0 ครั้งแรกในเอเชีย-แปซิฟิกด้วยบัตรวีซ่าชิพการ์ดอีเอ็มวี
บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่ร่วมเป็นเจ้าภาพและเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนวีซ่าและสถาบันการเงินสมาชิกจนก้าวสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญในครั้งนี้ ได้แก่ ไซเบอร์แคช, ไอบีเอ็ม, ไมโครชอฟ, เน็ทสเคป คอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ป, อาร์เอสเอ ดาต้า ซีเคียวริตี้, แทนเดม (บริษัทของคอมแพค), ทรินเทคและเวอร์ริไซน์
มร. สตีฟ เฮิร์ซ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการค้าอินเตอร์เน็ต วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “การนำ SET ไปใช้เป็นมาตรฐานระดับโลกจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นหากปราศจากความร่วมมืออย่างเต็มที่จากกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำ ด้วยเหตุนี้ เราจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทดังกล่าวให้การสนับสนุน SET 1.0 โดยการมอบโซลูชั่นให้กับสมาชิกของเราจนก้าวสู่ความสำเร็จสองประการ”
ประการแรกคือความสำเร็จในการทำธุรกรรมการค้าทางอิเล็คทรอนิคส์ด้วยชิพการ์ดใบแรกของโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบัตรสมาร์ทคอมเมิร์ซแจแปน ในกรุงโตเกียว โดยการใช้ชอร์ฟแวร์ SET 1.0 และวีซ่าชิพการ์ด ด้วยความร่วมมือของวีซ่า, โตชิบา คอร์ปอเรชั่น และผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี อาทิ ไซเบอร์แคช, ไอบีเอ็ม, เน็ทสเคป และเวอร์ริไซน์ พร้อมกับสมาชิกวีซ่า อาทิ ซูมิโตโม เครดิต เซอร์วิส เพื่อการทำธุรกรรมอย่างสมบูรณ์ด้วยการใช้ชิพการ์ดและชอร์ฟแวร์ SET โดยผู้ซื้อใช้บัตรที่ออกโดยซูมิโตโมเพื่อซื้อดอกไม้จากห้างสรรพสินค้าฮันยูบนอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ การทำธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นสองถึงสามชั่วโมงหลังการทำธุรกรรมด้วยเทคโนโลยี SET1.0 ครั้งแรกในละตินอเมริกา
นางเจเน็ต พรุทท์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการค้าอิเล็คทรอนิคส์ วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนลและโตชิบา คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมโครงการ กำลังเสนอบริการใหม่ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมการค้าแห่งอนาคตให้กับผู้ถือบัตรวีซ่าชาวญี่ปุ่น ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีชิพการ์ดเข้ากับ SET ซึ่งจะให้ความปลอดภัยด้านข้อมูลแก่ผู้ใช้”
ความสำเร็จประการที่สองคือ การทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัยเป็นครั้งแรกของโลก ระหว่างประเทศแถบละตินอเมริกา/แคริบเบียนด้วยการใช้เทคโนโลยีมาตรฐาน SET 1.0 ทั้งนี้ จากความร่วมมือของวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล, ทรินเท็ค, ไมโครซอพท์, เวอร์ริไซ,น์ อาร์เอสเอ ดาต้า ซีเคียวริตี้,และแทนเด็ม
ด้วยระบบมาตรฐานของ SET ผู้ถือบัตรและร้านค้าสามารถตรวจสอบหลักฐานก่อนการอนุมัติธุรกรรม และสามารถเข้ารหัสข้อมูลขณะที่ผ่านเข้าอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ SET ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบเปิดสำหรับการค้าอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัย ได้รับการพัฒนาจากวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล, มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล,จีทีอี, ไอบีเอ็ม, ไมโครชอฟท์, เน็ทสเคป, เอสเอไอซี (SAIC), อาร์เอสเอ, เทริซา ซิสเต็มส์และเวอร์ริไซน์ ทั้งนี้ได้มีการประกาศใช้ SET 1.0 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ SET 1.0 ยังได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางให้เป็นมาตรฐานโลกด้านบัตรชำระเงินบนอินเตอร์เน็ตอีกด้วย
วีซ่าเป็นระบบการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ “วิธีการชำระเงินที่ดีที่สุดในโลก” โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาอำนวยประโยชน์ให้แก่สมาชิกที่เป็นสถาบันการเงินจำนวน 21,000 แห่ง รวมทั้งหน่วยงานธุรกิจ ภาครัฐ รวมไปถึงการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของโลก วีซ่าเป็นผู้นำด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ บัตรชิพโปรแกรม 70 โครงการทั่วโลก รวมทั้งโครงการวีซ่าแคช 7 ล้านใบ และวีซ่าเป็นผู้บุกเบิกระบบการทำธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัย หรือ Secure Electronic Transaction – SET ใน 25 ประเทศเพื่อการทำธุรกรรมการค้าอย่างปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต บัตรวีซ่ากว่า 600 ล้านใบได้รับการยอมรับจากร้านค้าจำนวนกว่า 14 ล้านแห่งทั่วโลก โดยมียอดรายได้คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี นอกจากนี้ วีซ่าเป็นผู้ดำเนินเครือข่ายเอทีเอ็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเครื่องเอทีเอ็มกว่า 370,000 เครื่อง
วีซ่ามีข้อมูลโฮมเพจในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คือ http://www.visa.com รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อเบอร์สัน-มาร์เสตลเลอร์กาญจนาวดี น้อยใจบุญโทรศัพท์ 252-9871-7--จบ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit