กรุงเทพ--26 พ.ย.--วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล
เนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (National Australia Bank) ซึ่งเป็นธนาคารด้านการค้าอิเล็คทรอนิคส์รายใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรเลีย ประกาศเป็นพันธมิตรกับวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนลในการโครงการทดลองทำธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัยโดยใช้เทคโนโลยีโปรโตคอล SET 1.0 ในปีหน้า ทำให้ในขณะนี้มีธนาคารขนาดใหญ่สี่แห่งในออสเตรเลียยืนยันร่วมพันธมิตรกับวีซ่าในการทำธุรกรรมการค้าอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัยเช่นกัน
ทั้งนี้ ธนาคารเอเอ็นซี (ANZ Bank), เวสแพค แบงก์ (Westpac Bank), คอมมอลเวล แบงก์ (Commonwealth Bank), และเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ บรรลุข้อตกลงในการใช้เทคโนโลยีธุรกรรมการค้าอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัยของวีซ่า เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถสนองความต้องการโปรแกรม SET อย่างประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ความสามารถดังกล่าวนี้ยังได้รับการยืนยันในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้มีการสาธิตถึงความต้องการพื้นฐานสามประการด้านการทำธุรกรรมการชำระเงินทางการค้าอิเล็คทรอนิคส์ในอุตสาหกรรมด้านการธนาคารดังนี้:- ความปลอดภัย: รายละเอียดเรื่องบัตรเครดิตจะได้รับการป้องกันโดยผ่านรหัสลับที่มีการทำงานซับซ้อนและจะไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลการชำระเงินได้- การตรวจสอบหลักฐาน: การตรวจสอบหลักฐานของผู้ซื้อและผู้ขายจะกระทำผ่านทางดิจิตอลหรือเรียกว่า digital certificate ท ความเชื่อถือ: โดยการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบหลักฐานผ่านทางดิจิตอลและระบบการป้องกันต่างๆ เกี่ยวกับระบบการชำระเงินที่เหมือนจริงโดยใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ และกฎเกณฑ์มาตรฐานโลก
มร. เกร็ค สตอร์เร่ย์ ประธานวีซ่าเน็ทแห่งประเทศออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ของวีซ่า อินเตอร์-เนชั่นแนล กล่าวว่า “ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกที่ธนาคารรายใหญ่เลือกใช้เทคโนโลยี SET 1.0 และเลือกที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับวีซ่าเพื่อโครงการทดลองดังกล่าว สิ่งที่ท้าทายในขณะนี้คือการขยายฐานร้านค้าและผู้ถือบัตรให้กว้างขึ้นเพื่อให้การซื้อสินค้าบนอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัยให้เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน”
การเติบโตของจำนวนบัตรวีซ่าและยอดการชำระเงินผ่านบัตรวีซ่าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2540 สะท้อนให้เห็นแนวโน้มการเติบโตของการชำระเงินผ่านบัตรแทนการชำระด้วยเงินสดและเช็ค โดยยอดการชำระเงินของวีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ณ เดือนมิถุนายน 2540 คิดเป็นจำนวนถึง182.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2539 ร้อยละ33 และยอดการทำธุรกรรมต่างๆ ของธนาคารพาณิชย์ในจีนที่ชำระผ่านบัตรวีซ่าคิดเป็นมูลค่า 52.78 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้บัตรวีซ่ายังมีจำนวนถึง 108 ล้านใบ เพิ่มขึ้นร้อยละ15 จากปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 39 ซึ่งคิดเป็น 965 ล้านครั้งต่อปี หรืออาจกล่าวได้ว่ามีการทำธุรกรรมเกิดขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจำนวน 30 ครั้งต่อวินาที
วีซ่าเป็นระบบการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ “วิธีการชำระเงินที่ดีที่สุดในโลก” โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาอำนวยประโยชน์ให้แก่สมาชิกที่เป็นสถาบันการเงินจำนวน 21,000 แห่ง รวมทั้งหน่วยงานธุรกิจ ภาครัฐ รวมไปถึงการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของโลก วีซ่าเป็นผู้นำด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ บัตรชิพโปรแกรม 69 โครงการทั่วโลก รวมทั้งโครงการวีซ่าแคช 7 ล้านใบ และวีซ่าเป็นผู้บุกเบิกระบบการทำธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัย หรือ Secure Electronic Transaction – SET ใน 25 ประเทศเพื่อการทำธุรกรรมการค้าอย่างปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต บัตรวีซ่ากว่า 600 ล้านใบได้รับการยอมรับจากร้านค้าจำนวนกว่า 14 ล้านแห่งทั่วโลก โดยมียอดรายได้คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี นอกจากนี้ วีซ่าเป็นผู้ดำเนินเครือข่ายเอทีเอ็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเครื่องเอทีเอ็มกว่า 380,000 เครื่อง
วีซ่ามีข้อมูลโฮมเพจในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คือ http://www.visa.com ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อพึงจิต แพทย์ศิลป์เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์โทรศัพท์ 252-9871-7--จบ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit