นกแก้วอัดงบเพิ่มอีก 40 ล้านบาท เสริมปีนิยมไทยและขานรับปีอะเมซิ่ง ไทยแลนด์

13 Jan 1998

กรุงเทพ--13 ม.ค.--บ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์

นกแก้วเปลี่ยนแนวรบ เตรียมทุ่มงบประมาณ 40 ล้านบาท หวังขยายฐานกลุ่มเป้าหมายใหม่ให้ใกล้คนเมืองมากยิ่งขึ้น ไตรมาสแรกของปีปล่อยโฆษณาชุดใหม่พร้อมใช้หม่อมเอ็ม เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่หันมานิยม "เที่ยวเมืองไทย กินของไทย ใช้ของไทย ร่วมใจประหยัด"

แหล่งข่าว บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซานี้ แม้ว่าหลายธุรกิจ ได้รับผลกระทบเนื่องมาจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น แต่สำหรับธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคจะพบว่ายังเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีการแข่งขันที่รุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมาหลายเท่าทีเดียว

สำหรับตลาดของสบู่หอมนกแก้วปี 2541 ถือได้ว่าเป็นสินค้าอีกตัวหนึ่งที่สามารถทำยอดขายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงที่คนไทยยุค ไอ เอ็ม เอฟ และเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ดังนั้น ในปีนี้ทางบริษัทฯ จึงได้วางนโยบายจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องจากปีที่แล้ว รวมทั้งกลยุทธ์ และแผนงานอื่น ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนตลาดสบู่ราคาประหยัดให้ยอดการจำหน่ายและสร้างภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น และในโอกาสเดียวกันทางบริษัทฯ ยังได้มุ่งขยายฐานของร้านค้าให้กว้างขวางตามไปด้วยเช่นกัน

ล่าสุดในช่วงไตรมาสแรกของปี บริษัท รูเบีย อุตสาหกรรม จำกัด ได้ทำการเปิดตัวภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ เพื่อต้อนรับปีการท่องเที่ยวไทย โดยใช้ชื่อชุดว่า "ตุ๊ก ตุ๊ก" โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อที่จะเสริมสร้างแบรนด์ สินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมายในเมืองได้รู้จักมากยิ่งขึ้น 2. เพื่อรณรงค์การท่องเที่ยวภายในประเทศไทย 3. เพื่อสร้างภาพพจน์ของสินค้าให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น 4. เพื่อเป็นการคลายเครียดสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ในช่วงที่สภาวะตึงเครียดในยุคปัจจุบัน และ 5. เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายให้มีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 40% และนอกจากนี้ภาพยนต์โฆษณาชุดดังกล่าวยังช่วยปลุกกระแสคนไทยในเมืองให้ตื่นมาใช้สินค้าไทยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

และนอกจากนี้สำหรับในปี 2541 ทางบริษัทฯ ยังได้เตรียมทุ่มงบประมาณอีก 40 ล้านบาทเพื่อใช้โฆษณาและประชาสัมพันธ์ใน ทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ สติ๊กเกอร์ ณ จุดขายตามร้านค้าต่าง ๆ ตลอดทั้งปี ซึ่งคาดว่าจะทำให้ทางบริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 50-60%

แหล่งข่าวยังกล่าวต่ออีกว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เชื่อว่าจะทำให้คนหันมาใช้สบู่ราคาประหยัดมากขึ้นถึง 3-4% จากตลาดรวมที่ 45,000 ตัน มีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดของสบู่ราคาประหยัด 10% และสบู่หอมนกแก้วมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ 5% ของตลาดสบู่ราคาประหยัด

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ยื่นเรื่องไปที่กรมการค้าภายในเพื่อขอปรับราคาขึ้นอีกประมาณ 15% จากภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อาทิ น้ำมันปาล์ม จากกิโลกรัมละ 13 เพิ่มเป็น 24-25 บาท จากเดิมที่ได้ขอปรับราคาไปครั้งหนึ่งในนามของสมาคมสบู่ ที่ปรับเพราะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทลอยตัวเพียง 0.25 บาทเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะได้รับคำตอบในต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้--จบ--