กรุงเทพ--26 ส.ค.--กศน.
จากการที่กรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้ปรับหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนสายสามัญ ระดับมัธยมปลาย ออกเป็น 3 แผนการเรียน คือ แผน ก. เพื่อศึกษาต่อ แผน ข. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และแผน ค. เพื่ออาชีพ และได้มอบหมายให้ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอ (ศบอ.) ไปแนะแนวนักศึกษาก่อนเลือกแผนการเรียน เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมการศึกษานอกโรงเรียนได้จัดคณะผู้บริหารติดตามผลการดำเนินงานดังกล่าว และได้ข้อมูลย้อนกลับว่านักศึกษา กศน. ฮิตเรียนแผน ก. มากกว่าแผนอื่น ๆ
ดร.ปรียานุช จริยวิทยานนท์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน ให้ข้อคิดเห็นว่าทั้งสามแผนการเรียนนั้นได้มีจุดมุ่งหมายผลิตคนที่แตกต่างกัน และแต่ละแผนการเรียนสามารถกำหนดเส้นทางอนาคตของบุคคลได้เช่นกัน เช่น แผน ก. ส่งคนเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษา แผน ค. มุ่งสร้างการงานอาชีพ เป็นต้น จากการออกติดตามผลของตนก็พบข้อมูลเช่นเดียวกันกับคณะติดตามผลกลุ่มอื่น คือ นักศึกษาจำนวนมากจะเรียนแผน ก. เท่าที่วิเคราะห์เหตุผลดูแล้วอาจจะเป็นเพราะนักศึกษา กศน. ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัย 15-25 ปี นี้กำลังมีความมุ่งหวังอยากจะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เพื่อยกระดับสถานะภาพของตนเอง หรืออีกเหตุผลหนึ่งการเลือกแผน ก. นี้ เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าค่านิยมในการศึกษาต่อของกลุ่มเยาวชนเรายังมีสูงอยู่ อย่างไรก็ดีตนเชื่อว่าการเลือกแผน ก. ในอัตราที่สูงกว่าแผนอื่น ๆ ย่อมสะท้อนให้เห็นค่านิยมของเยาวชนไทยที่ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาระดับสูงอยู่ เรายังหาข้อสรุปไม่ได้จนกว่าจะมีการวิจัยหาเหตุผล ซึ่งทางกองพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียนจะดำเนินการหาข้อมูลต่อไป
จากการวิพากษ์วิจารณ์ว่า แผน ข. และแผน ค. บังคับให้นักศึกษาทำโครงงาน จึงมีการเลือกลงทั้งสองแผนนี้น้อยกว่า แผน ก. ดร.ปรียานุช กล่าวว่าจริง ๆ แล้วการทำโครงงานไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าหากครูประจำกลุ่มศึกษารูปแบบให้ดี และแนะแนวนักศึกษาให้เข้าใจอย่างชัดเจน นักศึกษา กศน. เป็นผู้ใหญ่มีงานทำและมีประสบการณ์ ดังนั้นการทำโครงงานจึงเหมาะสมที่สุด แม้แต่ขอในระบบโรงเรียนก็ยังนำโครงงานไปใช้กับนักเรียน สำหรับ กศน. มันเป็นการสร้างประสบการณ์และท้าทายความสามารถของนักศึกษา ซึ่งเหมาะกับการฝึกทักษะและนิสัยการใฝ่รู้ ใฝ่เรียนของนักศึกษาอย่างยิ่ง--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit