กรุงเทพ--12 ก.ย.--วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล
วันนี้ วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนลร่วมกับอินโคมแบงก์ (Inkombank) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของรัสเซียเปิดเผยเรื่องบัตรชิพการ์ดใหม่ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีชำระเงินให้กับผู้บริโภคในกว่า 50 ประเทศ
ระบบการชำระเงินด้วยบัตรใหม่นี้สามารถทำธุรกรรมอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากธนาคารทางโทรศัพท์ ซึ่งเหมาะกับประเทศที่มีข้อจำกัดทางระบบโทรคมนาคมและบริการทางธนาคาร
วีซ่าและอินโคมแบงก์จะเริ่มแนะนำบัตรใหม่ดังกล่าวในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ประเทศรัสเซียภายใน
ปีนี้ ในชื่อบัตร “Visa Roskart ” และวีซ่าคาดว่าบัตรฯ จะสามารถใช้ได้อย่างกว้างขวางทั่วโลกในปี 2541
ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรจะได้รับการอนุมัติเงินล่วงหน้าจากธนาคารที่ตนเปิดบัญชีไว้ (โดยเจ้าของบัตรมีเงินฝากอยู่ในธนาคาร) ซึ่งบันทึกในไมโครชิพที่ฝังบนบัตร ขั้นตอนการซื้อสินค้าทำโดย ผู้ถือบัตรใส่บัตรบนเครื่องอ่านบัตรของร้านค้า และกดรหัสประจำตัวหรือ PIN เพื่อยืนยันจำนวนยอดเงินที่ซื้อสินค้า จากนั้นผู้ขายจะใส่บัตรชิพการ์ดของตนในเครื่องอ่านบัตรตัวเดิม ซึ่งขั้นตอนนี้ข้อมูลการทำธุรกรรมจะถูกย้ายอัตโนมัติจากบัตรของลูกค้าสู่บัตรชิพการ์ดของผู้ขาย
ในแต่ละวันร้านค้าสามารถนำบัตรชิพการ์ดของตนไปที่ธนาคารที่เปิดบัญชีไว้เพื่อบันทึกเครดิตในบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคาร หรือสามารถทิ้งบัตรชิพการ์ดไว้ในเครื่องอ่านบัตรโดยใช้วิธีโอนย้าย (download)
ข้อมูลทางธุรกรรมเข้าสู่ธนาคารแทน จากนั้น วีซ่าจะดำเนินการด้านธุรกรรมไปที่ธนาคารของผู้ถือบัตรแต่ละรายเพื่อหักลบบัญชีตามราคาสินค้าที่ซื้อไป
มร. แอนนาโทลี่ มาคาเยฟ รองประธานอินโคมแบงก์ มอบบัตร Visa Roskart ให้กับนางแอน แอล. คอปป์ ประธานวีซ่ายุโรปตอนกลางและตะวันออก, ประเทศในแถบตะวันออกกลางและอัฟริกา (ซีอีเอ็มอีเอ) เพื่อสาธิตการใช้บัตรเป็นครั้งแรกในการซื้อเสื้อยืดที่ระลึกในงานฉลองเหตุการณ์สำคัญ
มร. มาคาเยฟ กล่าวว่า “นับว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างยิ่งแก่ธนาคารและตลาดบัตรชำระเงินในประเทศรัสเซีย เนื่องจากบัตร Visa Roskart เหมาะกับตลาดของเรามากเพราะเป็นระบบการทำงานที่ไม่ซับซ้อนและใช้ง่าย นอกจากนี้ ร้านค้าไม่ต้องเสียค่าติดตั้งในราคาสูง รวมทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องการป้องกันการทุจริต ผู้ถือบัตรจะได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย และยืดหยุ่นเหมือนกับพกบัญชีธนาคารในรูปบัตรวีซ่า”
นางคอปป์ กล่าวว่า “การวิจัยของวีซ่าระบุว่า ระบบนี้เหมาะกับประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศโดยเฉพาะประเทศในแถบซีอีเอ็มอีเอ และในภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิค” ทั้งนี้ เนื่องจากความง่ายและความปลอดภัยในการใช้บัตรซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องการทุจริตหรือการใช้บัตรเกินวงเงิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญกับประเทศที่ขาดประสบการณ์ด้านการธนาคารหรือด้านบัตรชำระเงิน
ในอนาคตระบบการอนุมัติเงินล่วงหน้าจะเป็นคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับการทำงานของมัลติชิพการ์ดหรือบัตรชิพการ์ดที่ทำหน้าที่หลายอย่างในบัตรเดียว ทั้งนี้ เปรียบเสมือนผู้ถือบัตรพกธนาคารไว้ในกระเป๋าซึ่งบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น วงเงิน ยอดเงินฝาก คูปองการซื้อสินค้า โปรแกรมสะสมไมล์การเดินทาง และประวัติทางการแพทย์ โดยผู้ถือบัตรและธนาคารร่วมกันออกแบบบัตรเพื่อให้ตรงกับความต้องการทางด้านการเงินและข้อมูลอื่นๆ
มร. เอ็ดมัน พี. เจ็นเซ่น ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวีซ่า อินเตอร์ชั่นแนล กล่าวว่าบัตร Visa Roskart นับเป็นเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งของวีซ่าและสถาบันการเงินสมาชิก ทั้งนี้วีซ่าเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมโปรแกรมชิพการ์ดใน 24 ประเทศและบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
การเติบโตของวีซ่าและกลุ่มสมาชิกสถาบันการเงินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยยอดการชำระเงินผ่านบัตรวีซ่าในวันที่ 31 มีนาคม 2540 คิดเป็นจำนวนเงินถึง 176.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยยอดชำระเงินผ่านบัตรวีซ่าคิดเป็นมูลค่า 122.4 พันล้านเหรียญสหรัฐโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยอดการทำธุรกรรมต่างๆ ของธนาคารพาณิชย์ในจีนคิดเป็นมูลค่า 53.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ บัตรวีซ่าเป็นบัตรชำระเงินที่มีผู้ใช้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค โดยขณะนี้จำนวนยอดการออกบัตรมีมากกว่า 104.1 ล้านใบ
วีซ่าเป็นระบบการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ “วิธีการชำระเงินที่ดีที่สุดในโลก” โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาอำนวยประโยชน์ให้แก่สมาชิกที่เป็นสถาบันการเงินจำนวน 21,000 แห่ง รวมทั้งหน่วยงานธุรกิจ ภาครัฐ รวมไปถึงการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของโลก วีซ่าเป็นผู้นำด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ บัตรชิพโปรแกรม 65 โครงการทั่วโลก รวมทั้งโครงการ วีซ่าแคช 6 ล้านใบ และวีซ่าเป็นผู้บุกเบิกระบบการทำธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัย หรือ Secure Electronic Transaction – SET ใน 25 ประเทศเพื่อการทำธุรกรรมการค้าอย่างปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต บัตรวีซ่ากว่า 600 ล้านใบได้รับการยอมรับจากร้านค้าจำนวนกว่า 14 ล้านแห่งทั่วโลก โดยมียอดรายได้คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี นอกจากนี้ วีซ่าเป็นผู้ดำเนินเครือข่าย เอทีเอ็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเครื่องเอทีเอ็มกว่า 370,000 เครื่อง
วีซ่ามีข้อมูลโฮมเพจในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คือ http://www.visa.com รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ กาญจนาวดี น้อยใจบุญ เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ โทรศัพท์ 252-9871-7 โทรสาร 254-8353--จบ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit