บ.ไวเทเฮลท์ บุกเบิกการรักษาต่อมลูกหมากด้วยวิธีทูน่า(คลื่นวิทยุ)และใช้ห่วงขยายท่อปัสสาวะ

03 Apr 1997

กรุงเทพ--4 เม.ย.--บ.ไวเทเฮลท์

บ. ไวเท เฮลท์ จำกัด สบช่องเปิด "ศูนย์การแพทย์ ศรีอยุธยา" รักษาผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตด้วยคลื่นวิทยุความถี่ต่ำ และวิธีใช้ห่วงขยายท่อปัสสาวะรายแรกของไทย หลังพบผู้ชายไทยอายุ 50-60 ปีป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโตกว่า 80% อีกยังมีปัญหาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่ไม่รู้จะปรึกษาใคร อนาคตวางแผนขยายศูนย์การแพทย์ฯ สู่ภูมิภาคโดยเริ่มที่จังหวัดเชียงใหม่ในปี 2541

นายคฑาวุธ พงศ์ภัทรานนท์ กรรมการบริหาร บริษัทไวเท เฮลท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทไวเท เฮลท์ จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างอินโดไชน่าเฮลท์แคร์ จำกัด ซึ่งถือหุ้นประมาณ 50% และกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะถือหุ้นรวมกัน 50% ของทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยเปิดดำเนินการภายใต้ชื่อ "ศูนย์การแพทย์ ศรีอยุธยา" เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

"ปัจจุบันมีผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ชายเมื่อมีอายุเฉลี่ย 50 ปีขึ้นไปจะเป็นโรคต่อมลูกหมากโตกว่า 70-80% ประกอบกับผู้ป่วยโรคดังกล่าวจะขาดความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรค และการรักษาส่วนใหญ่ยังคงใช้แนวการผ่าตัดแบบเดิม ซึ่งผู้ป่วยไม่มีทางเลือกอื่น ทั้งๆที่ความจริงมีเทคโนโลยีใหม่ซึ่งมีผลดีทั้งการรักษาและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่เกิดได้จากการผ่าตัด และสามารถรักษาผู้ป่วยแบบผู้ป่วยนอก ไม่ต้องนอนพักรักษาในโรงพยาบาล บริษัทเห็นความสำคัญในการรักษาโรคดังกล่าวจึงก่อตั้งศูนย์การแพทย์เพื่อการรักษาโรคเฉพาะทางขึ้น" นายคฑาวุธกล่าว

กรรมการบริหาร กล่าวอีกว่า การรักษาต่อมลูกหมากโตของศูนย์การแพทย์ฯนั้นจะใช้วิธีการรักษาด้วยคลื่นวิทยุความถี่ต่ำ ซึ่งจะอบให้เนื้อต่อมลูกหมากฝ่อตัวลง หรืออีกวิธีใช้ห่วงขยายท่อปัสสาวะซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตในขณะนี้ เพราะวิธีการดังกล่าวมีความรวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่เสียเลือด และไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล

"ในอนาคตจะมีการขยายศูนย์การแพทย์ไปยังจุดอื่นๆ เช่น ในกรุงเทพฯฝั่งธนบุรี หัวเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา โดยระยะแรกจะเริ่มต้นที่กรุงเทพฯก่อน เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาประมาณ 5 ล้านบาท ในปี 2541 คาดว่ามีรายได้ประมาณ 7 ล้านบาท และในปี 2542 คาดว่าจะมีรายได้ 10 ล้านบาท"

ทางด้านนายแพทย์บัณฑิต กาญจนพยัฆ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ กล่าวว่าในปัจจุบันผู้ชายเมื่อมีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะมีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินปัสสาวะกว่า 60% โดยจะเป็นโรคต่อมลูกหมากโตประมาณ 70-80% ขั้นตอนในการรักษาจะใช้เวลานาน ซึ่งในบางครั้งอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และหากเลือกการผ่าตัด อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปัสสาวะเล็ดราด หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ตามมา

"เราเห็นความสำคัญในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต จึงได้ใช้วิธีการรักษาด้วยคลื่นวิทยุความถี่ต่ำ TUNA (TRANSURETHRAL NEEDLE ABLATION) และวิธีขยายท่อปัสสาวะด้วยห่วง UROLUME (URETHRAL STENT) ซึ่งถือเป็นรายแรกของเมืองไทยที่ใช้วิธีการรักษาดังกล่าว เพราะไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่เสียเลือด ไม่ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล ใช้เวลาในการรักษาเพียง 30 นาที และถือเป็นวิธีที่ปลอกภัยและมีประสิทธิภาพสูง ได้รับการอนุมัติใช้ในอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ และประเทศอื่นอีกมากทั่วโลก" นายแพทย์บัณฑิตกล่าว

สำหรับขั้นตอนในการรักษาจะมีการวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เครื่องตรวจวัดอัตราการไหลพุ่งของปัสสาวะ เพื่อวินิจฉัยภาวะตีบตันของท่อทางเดินปัสสาวะ ตรวจอุลตร้าซาวน์ต่อมลูกหมากเพื่อวัดและคำนวณขนาดของต่อมลูกหมาก เครื่องมือวินิจฉัยสมรรถภาพทางเพศที่ทันสมัย วัดภาวะการขยายและแข็งตัวของอวัยวะเพศ นอกจากนี้จะเน้นให้ความรู้กับผู้ป่วยอย่างละเอียด และมีการติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง--จบ--