ศูนย์พาณิชยกรรม นครแพรงเพริดรายงาน อาหารพร้อมรับประทานแช่เย็น อนาคตสดใส

10 Jun 1997

กรุงเทพ--10 มิ.ย.--ศูนย์พาณิชยกรรม นครแพรงเพริด

จากรายงานการวิเคราะห์ตลาดระหว่างประเทศ โดยมี Euromonitor พบว่า มูลค่าการขายสินค้าอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทานในตลาดโลกมีแนวโน้มอนาคตสดใส โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าการขายจะเพิ่มขึ้น 64% เป็นมูค่าสูงถึง 40 พันล้านเหรียญอเมริกัน ก่อนจะถึงค.ศ. 2000 และอาหารแช่เย็นทุกประเภทจะมีมูลค่าการขายเพิ่มขึ้น 13% เป็นมูลค่า 316 พันล้านเหรียญฯ ทั้งนี้ โดยจะมีการเพิ่มในตลาดเอเชียและแปซิฟิก 60% และในตลาดละตินอเมริกา 37%

สินค้าอาหารพร้อมรับประทานที่จะประสบความสำเร็จต่อเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคได้แก่ snacks และ convenience food โดยผู้ผลิตสินค้ามีการคิดค้นสินค้าใหม่ๆ และเน้นคุณภาพของสินค้าที่สูง

สินค้าใหม่ๆ เป็นสินค้าที่มีการเติบโตรวดเร็วมาก สำหรับตลาดสินค้าอาหารแช่เย็น ได้แก่ อาหารที่อบให้สุกส่วนหนึ่ง (semi-baked), อาหารทานเล่นในงานเลี้ยง (party snacks) ซุปแช่เย็น (chilled soup) และอาหารผักและสลัดต่างๆ ซึ่งอาหารเหล่านี้มีการขยายตัวถึง 3.4 พันล้านเหรียญฯ จนเป็นมูลค่าถึง 12 พันล้านเหรียญฯ ระหว่างปี 1991 ถึง 1995

ตลาดที่มีการเจริญเติบโตของสินค้าแช่เย็นสูง ได้แก่ อเมริกาเหนือ, ญี่ปุ่น, ยุโรปตะวันออก และออสเตรเลีย

สิ่งสำคัญที่เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จของสินค้านี้ ได้แก่ การพัฒนาคิดค้นสินค้าใหม่ๆ

สินค้าที่มีจำหน่ายในตลาด มีตั้งแต่ ของหวานเพื่อสุขภาพ (healthy desserts) จนถึงของหวานประเภทฟุ่มเฟือยและแคลอรี่สูง ตัวอย่างเช่น มูลค่าการจำหน่ายนมเปรี้ยว (yogurt) ในตลาดโลกเพิ่มถึง 30.5% ในช่วงระหว่างปี 1991-1995

68% ของยอดการจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ปลา (processed fish) ในตลาดโลก อยู่ในประเทศญี่ปุ่นและเอเซีย และแนวโน้มการเจริญเติบโตยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะสินค้า "ปูอัด" (surimibased products) ซึ่งราคาถูกกว่าอาหารทะเลแท้ๆ และไม่ต้องใช้เวลาในการเตรียมการปรุงสามารถรับประทานได้เลย

อาหารแช่เย็นประเภทที่ได้รับความกระทบกระเทือนจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นมและไขมัน ซึ่งทำให้ยอดขายเนยแข็งและไขมันเหลืองประเภทต่างๆ เพิ่มขึ้นเพียง 10.5% ระหว่างปี 1991-1995

สินค้าเนยเป็นสินค้าที่มีปัญหาในระยะยาวมากกว่าสินค้าอื่น การบริโภคลดลงตั้งแต่ปี 1980 ยอดการจำหน่ายในตลาดโลกลดลงตั้งแต่ปี 1991 ถึง 5.2% เหลือเป็นมูลค่า 11.4 พันล้านเหรียญฯ--จบ--

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit