กรุงเทพ--18 มิ.ย.--กศน.
นางกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา อธิการบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียน ชี้แจงในการประชุมหารือร่วมกับผู้แทนมหาวิทยาลัย เรื่องการปรับหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (เมื่อเร็วๆ นี้ที่ผ่านมา) ว่า ปัจจุบันกรมการศึกษานอกโรงเรียนมีนักศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประมาณห้าแสนคน ในจำนวนนี้จะมีนักศึกษาประเภทสอบบุคคลภายนอกเจ็ดหมื่นกว่าคน ที่มุ่งศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย นักศึกษากศน. อีกสี่แสนกว่าคนจะเป็นผู้มีอาย 17 ปีขึ้นไป ที่มุ่งเรียนเพื่อรับวุฒิ เพื่อพัฒนาตนเองและอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยกำหนดให้ทุกคนมีพื้นฐานความรู้ความสามารถที่จำเป็น สำหรับอนาคตร่วมกัน แต่จะมีความเข้มข้นตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาที่ต่างกัน การที่กระทรวงศึกษาธิการจะยกระดับการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายจึงเป็นเรื่องที่ดี และกศน.สามารถดำเนินการตามนโยบายได้ เพียงขอให้คำนึงถึงพื้นฐานและความจำเป็นที่แตกต่างของผู้เรียนม.ปลาย โดยเฉพาะผู้ที่อายุ 17 ปีขึ้นไป ไม่ควรเน้นเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเปิดอย่างเดียว แต่ควรคำนึงถึงพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับคนไทยในอนาคต
อธิบดีกศน.กล่าวอีกว่า สำหรับนักศึกษาสอบเทียบที่กศน.รับดำเนินการตั้งแต่ปี 2527 นั้น ในปี 2540 ได้รับรายงานว่า นักศึกษาที่สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยสองแสนกว่าคนจะมีนักเรียน ม.5 ที่สอบเทียบได้ สามหมื่นแปดพันกว่าคน และสอบได้หนึ่งหมื่นหนึ่งพันกว่าคน จากจำนวนผู้สมัครเข้ามหาวิทยาลัยที่สอบผ่านข้อเขียนได้ห้าหมื่นกว่าคน จากการวิจัยของทั้งกศน.และมหาวิยาลัย ได้พบว่า นักศึกษาที่สอบเทียบไม่ได้มีผลการเรียนด้อยกว่านักศึกษาปกติ และไม่ได้มีปัญหาในการปรับตัวมากกว่าความวิตกเกี่ยวกับคุณภาพของนักศึกษาที่เข้ามหาวิทยาลัยที่มักพาดพิงถึงเด็กสอบเทียบจากกศน. จึงควรศึกษาข้อเท็จจริงและพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบกันด้วย
อย่างไรก็ดี กศน.สนับสนุนอย่างเต็มที่ที่จะให้นักเรียนในระบบการเรียนเต็มเวลาในโรงเรียน แต่หากจะมีการกำหนดมาตรการใดๆ ควรประกาศก่อนล่วงหน้า ทั้งควรหาทางออกที่เหมาะสมสำหับเด็กอัจฉริยะที่อาจเรียนได้เร็วกว่ากำหนด เยาวชนที่เรียนอ่อน และเยาวชนที่ไม่สามารถเรียนได้ในระบบโรงเรียนปกติ ได้เต็มเวลา ซึ่งเยาวชนเหล่านี้ได้อาศัยการศึกษานอกโรงเรียนรองรับอยู่ อธิบดีกศน. กล่าว--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit