กรุงเทพ--28 พ.ย.--พีเออี
บริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการ ไตรมาส 3 ประจำปี 2539 แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่พีเออีสามารถสร้างรายได้ กว่า 58.23% เหตุเพราะพื้นฐานดี อีกทั้งการขยายตัวของธุรกิจการก่อสร้างและ โทรคมนาคมมีอัตราการเติบโตสูง นักวิเคราะห์ย้ำเป็นหุ้นที่น่าจับตามอง
ดร.ธนาคม สกุลไทย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเออี (ประเทศ ไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2539 ว่ามี รายได้ 593 ล้านบาท และมีรายได้รวมสำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือน 1,606 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 58.23% โดยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ของปี 2539 ประมาณ 42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือน ประมาณ 110 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31%
รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเออีฯ ชี้แจงเรื่องผลประกอบการเพิ่ม เติมว่าหากพิจารณาเฉพาะบริษัท พีเออีฯ โดยไปรวมส่วนกำไรของบริษัทย่อยสำหรับ ระยะเวลา 9 เดือนปี 2539 เปรียบเทียบกับปี 2538 บริษัทจะมีอัตราขยายตัวเพิ่ม ขึ้นของกำไรสุทธิประมาณ 41% สาเหตุที่บริษัทย่อยในปี 2539 นี้ยังไม่ได้สร้างรายได้ ให้กับบริษัทพีเออีฯ เนื่องจากมีการขยายงานไปยังประเทศต่าง ๆ อาทิเช่น ประเทศ พม่า, ไต้หวัน และเวียดนาม ซึ่งในช่วงเริ่มต้นธุรกิจจะมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนา ธุรกิจ และค่าใช้จ่ายเดินทาง โดยโครงการเหล่านี้จะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัท ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นการสร้างฐานที่ดีให้กับบริษัทต่อไป ในอนาคต
สำหรับงานด้านของรัฐบาลบริษัท พีเออี ได้รับโครงการสร้างศูนย์ราชการ จังหวัดกำแพงเพชร มูลค่าโครงการ 368 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างสถาบัน ดำรงราชานุภาพ จังหวัดชลบุรี มูลค่าโครงการ 216 ล้านบาท ทั้งนี้รวมการจัดผัง ระบบสาธารณูปโภคทั้งหมดด้วย รวมถึงมีแผนงานที่จะขยายไปในด้านโรงไฟฟ้า และ โรงบำบัดน้ำเสียด้วย
จะเห็นว่าบริษัทฯ
มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าภาพ เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัวลง แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ กลับสวนกระแส เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพราะดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับวิศวกรรมการก่อสร้าง ประเภทโรงงาน อุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมพลังงาน รวมถึงธุรกิจโทรคมนาคม และตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักร ซึ่งธุรกิจเหล่านี้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ นิธิภัทร จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทพีเออีฯ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ ความเคลื่อนไหวของหุ้นบริษัท พีเออีฯ ว่าเป็นหุ้นที่น่าจับตามองเนื่องจากภาพรวม ของบริษัทมีอัตราการเติบโตที่ดีจากการลงทุนด้านโทรคมนาคมเพิ่มมากขึ้น
ทำให้ ความเสี่ยงลดน้อยลง
การขยายงานไปต่างประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งผู้บริหารมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ได้ผู้ร่วมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ส่งผลให้การ ดำเนินงานไปด้วยดีและมีประสิทธิภาพ
ส่วนนักวิเคราะห์จากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจ จำกัด (มหาชน) มองว่าหุ้นของบริษัทพีเออีมีพื้นฐานค่อนข้างดี แม้จะเป็นขนาดเล็กแต่สามารถบริหาร งานได้อย่างลงตัว การประมูลงานต่าง ๆ จะไม่ซ้ำซ้อนกับผู้ประมูลโครงการโหญ่ ๆ ทำให้พีเออีมีงานขนาดย่อยลงมารองรับอยู่มาก อีกทั้งงานด้านโทรคมนาคม ติดตั้ง เครื่องจักร วางท่อ หรือระบบต่าง ๆ เป็นงานที่ตลาดยังกว้างอยู่
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเดียวกัน คือ อัตราการเติบโต ภายในปีนี้ประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งนักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่าในแต่ละปี ฐานของบริษัทพีเออีฯ จะมีการขยายตัวกว้างมากขึ้น ดังนั้นอัตราการเติบโตของบริษัท ใดที่ขยายตัวประมาณ 15% ขึ้นไปถือว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพดีบริษัทหนึ่ง
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณจุรี เพ็ชรรัตน์ ผู้จัดการฝ่าย ประชาสัมพันธ์ บริษัท คิธ แอนด์ คินฯ จำกัด โทร. 663-3226-9 --จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit