ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ในปี 2558 จังหวัดสงขลามีผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงอย่างแรงจำนวน 61 ราย เสียชีวิต 1 ราย และในเดือนมกราคม 2559 จังหวัดสงขลาพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงอย่างแรงอย่างต่อเนื่อง กระจายใน 5 อำเภอ คือ อ.สิงหนคร อ.สทิงพระ อ.เมือง อ.จะนะ และอ.เทพา ข้อมูลในวันที่ 1-23 มกราคม 2559 พบผู้ป่วยเป็นคนไทยแล้วจำนวน 37 ราย เป็นคนต่างชาติจำนวน 1 ราย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไมได้ปรุงเอง อาหารที่ไม่ได้ผ่านความร้อน และไม่ได้นำมาอุ่นใหม่เมื่อนำมารับประทาน โดยเฉพาะอาหารทะเล
โรคอุจจาระร่วงอย่างแรง เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้อย่างเฉียบพลัน ที่มีอาการเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อa อาการของโรคคือ ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำคราวละมากๆ โดยไม่มีอาการปวดท้อง อุจจาระคล้ายน้ำซาวข้าว มีกลิ่นเหม็นคาวจัด บางครั้งมีอาเจียนร่วมด้วย ส่วนใหญ่มีอาหารเพียงเล็กน้อยถ้าได้รับการทดแทนสารน้ำที่ถูกต้อง อาการจะไม่รุนแรง ถ้าไม่ได้รับการทดแทนสารน้ำที่สูญเสียไป จะมีอาการของการขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว มีภาวะความเป็นกรดในเลือดและการไหลเวียนของโลหิตช้าลง ในเด็กจะมีอาการขาดน้ำตาลในเลือดและภาวะไตวายได้
เพื่อเป็นการป้องกันโรคอุจจาระร่วงอย่างแรง และยับยั้งการระบาดของโรคในพื้นที่ ประชาชนจึงต้องยึดหลัก "กิน ร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ" ไม่รับประทานอาหารดิบ อาหารสุกๆ ดิบๆ รับประธานอาหารสุกใหม่ หากจำเป็นต้องรับประทานอาหารค้างมือ ให้นำมาอุ่นให้เดือดก่อนนำมารับประทาน ดื่มน้ำต้มสุกหรือดื่มน้ำบรรจุขวด ดูแลห้องครัว และอุปกรณ์ทำอาหารให้สะอาด หากมีอาการถ่ายเหลวเกิน 3 ครั้ง หรือถ่ายเป็นน้ำจำนวนมาก 1 ครั้ง ให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้านทันที
ดร.นายแพทย์สุวิช กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยังร้านอาหารและแผงลอยขายอาหาร ร่วมกันป้องกันโรคอุจจาระร่วงอย่างแรง โดยการปรุงอาหารให้สุก ไม่ขายอาหารสุกๆ ดิบๆ หรืออาหารดิบแก่ลูกค้า ขายอาหารที่ปรุงสุกร้อน ไม่ขายอาหารข้ามมื้อและอาหารค้างคืน ผลิตอาหารด้วยกรรมวิธีที่สะอาดปลอดภัยต่อผู้บริโภค ดูแลรักษาความสะอาดของห้องครัว ห้องน้ำ ห้องส้วม และบริเวณร้านขายอาหารให้สะอาดอยู่เสมอ หากประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคอุจจาระร่วงอย่างแรง สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit