Kindness สกินแคร์ แบรนด์ไทย ใช้นวัตกรรม Clean Beauty ชูจุดเด่นทั้ง 3 Kind เพื่อสร้างความยั่งยืน และมีความแตกต่างในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับทุกสภาพผิว และผิวแพ้ง่าย ใช้ชีวิตอย่างอิสระทุกไลฟ์สไตล์ไปกับ Kindness
สองนักธุรกิจรุ่นใหม่ปั้นแบรนด์ "Kindness" รับเทรนด์ตลาดความงามที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ที่เน้นการใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัย และไร้สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง (Clean Beauty Product) เติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ชูจุดเด่นนวัตกรรมขั้นสูง ตอบโจทย์ผู้มีปัญหาผิวแพ้ง่าย นำร่องส่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า 4 กลุ่ม เอาใจลูกค้าแก้ปัญหาทุกสภาพผิว
นาง ดาราพร ศิริเกียรติสูง (คุณรุ้ง) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไคนด์เนส เวลเนส จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Kindness กล่าวว่า "จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Kindness เกิดจากการที่ตัวเองเคยประสบปัญหาผิวแพ้ง่ายมาก และไม่สามารถหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ แม้จะทุ่มเทกับค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาทางการแพทย์ก็ไม่สำเร็จ ดังนั้นเมื่อถึงจุดหนึ่ง จึงเกิดความคิดว่าต้องทดลองพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเองเพื่อแก้ปัญหา และเชื่อว่ายังมีคนอื่นๆ อีกหลายคนที่มีปัญหาแบบเดียวกัน จึงใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนา โดยใช้เวลามากว่า 8 ปี"
"เพราะเป็นคนที่ผิวแพ้ง่ายมากมาก่อน เรารู้ว่าปัญหาผิวบั่นทอนจิตใจขนาดไหน ตอนนั้นเปลี่ยนครีมก็แพ้ แม้แต่อากาศเปลี่ยนแปลงก็แพ้ ทั้งสิวผด สิวอักเสบ สิวอุดตัน ขึ้นเป็นประจำ ทำให้ความมั่นใจที่เคยมีอยู่ลดลง เป็นตัวของตัวเองได้ไม่เต็มที่เวลาอยู่กับคนรอบข้าง มัวแต่กังวลเรื่องผิวหน้าของตัวเองที่มีทั้งสิว รอยดำรอยแดง หน้ามัน หมองคล้ำ" นาง ดาราพร ศิริเกียรติสูง (คุณรุ้ง) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไคนด์เนส เวลเนส จำกัด กล่าว
ดังนั้น เรียกได้ว่าแบรนด์ Kindness จึงเกิดขึ้นจากผู้ใช้งานที่เคยประสบปัญหาจริง และพบว่าแก้ไขปัญหาผิวแพ้ง่ายได้จริง โดยก่อนตัดสินใจสร้างเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการตลาดเต็มตัว ทั้งตัวเองและผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ ได้ใช้ผลิตภัณฑ์จริงในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
จากกระแสความนิยมเครื่องสำอางคลีนบิวตี้ที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก ถือเป็นโอกาสดีหากผู้ประกอบการไทยได้เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบรับกระแสความต้องการที่กำลังเติบโต เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องสำอางที่สำคัญของทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ รวมถึงเป็นผู้ส่งออกเครื่องสำอาง อันดับที่ 2 ของอาเซียน (รองจากสิงคโปร์) และอันดับที่ 17 ของโลก
แบรนด์ Kindness จึงเป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยที่มีความภาคภูมิใจ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับโลก ด้วยคุณภาพที่ผ่านการวิจัยกับสถาบันชั้นนำทั่วประเทศ ผลิตภัณฑ์ผลิตจากโรงงานได้มาตรฐาน GMP:2018 และ ISO ส่วนประกอบสำคัญ เน้นคัดสรรนวัตกรรมใหม่ล่ะสุด นำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป ผลิตภัณฑ์ทุกตัวได้ผ่านการตรวจจากสถาบัน Dermscan Asia สถาบันระดับโลก ตรวจโดยใช้ผิวคนจริง คัดเฉพาะอาสาสมัครที่มีผิวแพ้ง่าย เพื่อให้มั่นใจว่าใช่ได้กับผิวทุกชนิด แม้ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ไม่เกิดอาการแพ้ อีกทั้งยังมีการตรวจประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กับศูนย์ทดสอบเครื่องสำอางและเภสัชภัณฑ์ทางผิวหนัง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบัน Zurko Research ที่ Madrid, Spain โดยกันแดด 3 สูตรใหม่นี้ ได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพกันแดดแบบ in-vivo ทดสอบผลิตภัณฑ์กันแดดในสภาวะจริง บนผิวหนังของมนุษย์ เน้นการประเมินประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในการป้องกันอันตรายจากรังสี UV (Ultraviolet) โดยเฉพาะ UVB และ UVA และแสงสีฟ้า
นาง ดาราพร ศิริเกียรติสูง (คุณรุ้ง) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไคนด์เนส เวลเนส จำกัด กล่าวว่า "ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Kindness ยึดมั่นแนวความคิดใส่ใจ และเป็นมิตรทั้งกับผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการส่งต่อสิ่งดีสู่สังคม ประกอบด้วย 1. Kind to skin โดยเน้นสารสกัดจากธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่มีสารก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคือง อ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย 2. Kind to Environment ไม่ใช้การทดลองหรือการทรมานสัตว์ และใช้บรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 3. Kind to people ด้วยความเชื่ออย่างยิ่งว่า การมีน้ำใจสร้างโลกของเราให้สวยงามขึ้นได้ ดังนั้น ทุกๆ การขายผลิตภัณฑ์ Kindness ส่วนหนึ่งจากรายได้จะนำไปช่วยเหลือผู้ขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ขาดแคลน"
ปัจจุบัน Kindness นำเสนอผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่มหลัก ครอบคลุมทุกสภาพผิว และปัญหาผิวแพ้ง่าย ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้น (Happy Glow) 2. ผลิตภัณฑ์กันแดด (Freedom) 3. ผลิตภัณฑ์ปรับผิวกระจ่างใส ลดรอยสิวและจุดด่างดำ (Bright Side) และ 4.ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า-ล้างเครื่องสำอาง (Easy Peasy)
ด้านช่องทางการตลาด พร้อมรองรับควบคู่กันไปทั้งแบบหน้าร้าน และออนไลน์ โดยปัจจุบันมีการกระจายผลิตภัณฑ์วางขายที่ร้าน อีฟแอนด์บอย (Eveandboy) ซึ่งเปิดตัวล่าสุด ที่สาขา Siam Square One ชั้น LG the Underground Siam Square One ที่ตั้งอยู่ในแหล่งช็อปปิ้งที่คึกคักใจกลางกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องสำอาง เพราะมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกทั้งในประเทศและต่างประเทศ อยู่ใกล้กับสถานี BTS สยาม โดยร้านมีการรวบรวมแบรนด์ชื่อดังทั้งในและต่างประเทศมาให้ลูกค้าเลือกซื้ออย่างหลากหลาย อีกทั้งยังมี ช่องทางการขายออนไลน์ สามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านเว็บไซต์ได้ ซึ่งถือเป็นทางเลือกสะดวกสบายสำหรับผู้ที่ไม่สามารถไปที่ร้านได้เช่นกัน
สำหรับการสร้าง Brand Awareness ทางแบรนด์ ให้ความสำคัญกับช่องทางโซเชียล โดยเฉพาะ Tiktok, และ IG และ Facebook ซึ่งเป็นช่องทางที่เข้าถึงลูกค้าที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ
นายวรดล ศิริเกียรติสูง (คุณพีท) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไคนด์เนส เวลเนส จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Kindness กล่าวว่า "ปัจจุบันผู้บริโภคในประเทศไทย เริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและผิวพรรณที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว เน้นการใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติหรือออร์แกนิก ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ และไม่ทดลองกับสัตว์ cruelty-free (Clean Beauty Product) มากขึ้น ขณะเดียวกัน ภาพรวมของธุรกิจเครื่องสำอางในประเทศไทยเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยมีตัวเลขคาดการณ์ของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในปี 2567 โตเพิ่มขึ้น 10.4% จากปีก่อนหน้า สำหรับประเภทเครื่องสำอางที่ครองตลาดในไทยอันดับ 1 คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 46.8% ซึ่งสัดส่วนมากกว่า 80% เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า"
ขณะที่ ข้อมูลการตลาดระดับโลกจากบริษัท Statista ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า นับตั้งแต่ปี 2563 ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยตัวเลขปี 2567 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 17,000 ล้านบาท (540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และยังเห็นแนวโน้มอัตราเติบโตต่อปีไม่ต่ำกว่า 4% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
"ล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า แบรนด์ Kindness รองรับเทรนด์ Clean Beauty ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรและอ่อนโยนต่อสุขภาพผิวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มที่มีปัญหาผิวบอบบาง และแพ้ง่าย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า Kindness คือผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากการวิจัยและทดลอง ที่มุ่งแก้ไขปัญหา และฟื้นฟูสุขภาพผิวสำหรับกลุ่มนี้โดยเฉพาะ"
"ตั้งเป้า ปี 2568 คาดว่ายอดขายจะโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึง 300 ล้านบาท โดยมีการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านและประเทศจีน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit