COM7 เข้าดัชนี SET 50 รอบครึ่งปีแรก 68 วางกลยุทธ์นำสินค้าเทคโนโลยีตอบโจทย์ความยั่งยืน

20 Dec 2024

บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ได้รับเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 หุ้นใหม่ที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีแรก 2568 พร้อมเดินหน้าวางกลยุทธ์นำสินค้าเทคโนโลยีตอบโจทย์ผู้บริโภค และความยั่งยืน

COM7 เข้าดัชนี SET 50 รอบครึ่งปีแรก 68 วางกลยุทธ์นำสินค้าเทคโนโลยีตอบโจทย์ความยั่งยืน

นายณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Business Officer บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยว่า COM7 ได้รับเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 4 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีแรก พ.ศ. 2568 (1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2568) เป็นผลจากความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่เหมาะสมและแข็งแกร่ง ตอกย้ำผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ พร้อมกับ เดินหน้ากระจายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต เพื่อเพิ่มศักยภาพของ COM7 ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจน สร้างความเชื่อมั่นและความน่าสนใจ ในการลงทุนจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากดัชนี SET50 เป็นดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคากลุ่มหลักทรัพย์ที่มี ขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้เปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (Performance Benchmark) หรือใช้เป็นดัชนีอ้างอิง (Underlying Index) ในการออกตราสารทางการเงินต่าง ๆ

อย่างไรก็ดี ในปีนี้ COM7 ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ได้รับการประเมิน SET ESG Ratings 2024 ยกระดับที่ "AA" รวมทั้ง คว้ารางวัล CGR 2024 ระดับ 5 ดาว "ดีเลิศ" ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน และได้รับรางวัล CAC ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่นองค์กรโปร่งใส ต่อต้านคอร์รัปชัน สอดรับเทรนด์การลงทุนของโลก นักลงทุนให้ความสำคัญในการจัดสรรการลงทุนบนหลัก ESG มากขึ้นเรื่อยๆ โดย COM7 ให้ความสำคัญทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)

รวมทั้ง การนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน มุ่งสู่ความยั่งยืนมากขึ้น และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และพลังงานสะอาด ซึ่งในปีนี้ ได้เข้ามาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจไฮมาร์จิ้น สอดรับกับการเติบโตของยุค Digital Transformation ด้วยการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Solar Cell รวมถึงการจับมือ Amazon Web Services (AWS) เพื่อร่วมมือกันขยายฟีเจอร์ใหม่ๆ รองรับการเติบโตในตลาด Cloud Service ให้กับลูกค้ากลุ่ม SME