"ภูเก็ต" ประกาศพร้อมชิงเจ้าภาพจัดงาน InterPride 2025

25 Oct 2024

"ภูเก็ต" ประกาศพร้อมชิงเจ้าภาพจัดงาน InterPride 2025 หวังปูทางดึงงานใหญ่ "WorldPride 2030" ช่วยเพิ่มจีดีพีประเทศ 8.9 พันล้านบาท

"ภูเก็ต" ประกาศพร้อมชิงเจ้าภาพจัดงาน InterPride 2025

ทีเส็บ ดัน "ภูเก็ต" ชิงเจ้าภาพจัดงาน InterPride World Conference 2025 เผยมีความพร้อมทุกมิติ ทั้งสนามบินนานาชาติ เที่ยวบินตรง ภาครัฐสนับสนุน 100% เมืองเปิดรับความหลากหลายเท่าเทียม ต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ และทุกกลุ่มจากทั่วโลกตามนโยบาย Tourism Hub พร้อมดันไทยเป็นจุดหมายท่องเที่ยว Inclusive Destination หวังปูทางคว้าเจ้าภาพจัดงานใหญ่ "WorldPride 2030" ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มจีดีพีของประเทศได้ถึง 8.9 พันล้านบาท

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า มติ ครม. สั่งการให้ ทีเส็บ ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ เป็นตัวแทนประเทศไทยในการจัดทำข้อเสนอเป็นเจ้าภาพการจัดงานต่างๆ (Big Event) โดยหนึ่งในงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าภาพดึงงานเข้ามาจัดในประเทศไทยคืองาน InterPride World Conference 2025 โดยมีเป้าหมายประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ว่าไทยเป็นประเทศที่ส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มจากทั่วโลกในฐานะศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว (Tourism Hub) และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายท่องเที่ยว Pride Friendly ระดับโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ ต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง ชื่นชอบการเดินทาง และมีระยะเวลาพำนักยาวกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย

"ทีเส็บ สนับสนุนการเสนอตัวให้ไทยเป็นเจ้าภาพงาน InterPride World Conference 2025 เพื่อเป็นก้าวแรกในการก้าวสู่การชิงเป็นเจ้าภาพจัดงาน WorldPride 2030 ต่อไปในปี 2573 ซึ่งจากการคัดเลือกของ Pride Community 3 จังหวัดที่เสนอตัวเข้ามา ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต ปรากฏว่าภูเก็ตได้รับการโหวตให้เป็นผู้แทนในการจัดงาน โดยจะตัดสินว่าประเทศใดได้เป็นเจ้าภาพในเดือนมกราคม 2568 ที่จะถึงนี้"

นายจิรุตถ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการเคลื่อนไหวที่แสดงออกถึงการยอมรับความหลากหลายทางเพศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดงานเฉลิมฉลอง Pride Month เพื่อเป็นโอกาสในการส่งเสริมภาพลักษณ์ไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว Pride Friendly และการเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Pride 2030 ในปี 2573 ที่ประเทศไทยต้องมีการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ต่อไป

"Pride Month 2024 ที่ผ่านมาเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของความหลากหลายทางเพศที่ยิ่งใหญ่ มีกิจกรรมมากมายที่สร้างสีสัน ความบันเทิง เช่น การเดินขบวนพาเหรด การแต่งตัว นิทรรศการศิลปะ การแสดงคอนเสิร์ต และการประชุมและสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นความหลากหลายทางเพศ"

โดยทุกงานได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เห็นได้จากมีนักการเมืองมากมายเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ขณะที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่...) พ.ศ.. ได้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่เปิดกว้างให้คู่รักหลากหลายทางเพศ หรือคู่รัก LGBTQ+ สมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการลดช่องว่างของความเสมอภาคและการเลือกปฏิบัติทางเพศ

"สิ่งสำคัญของการไปเสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพ WorldPride 2030 ประเทศไทยต้องทำให้เห็นว่าเรามีความเคลื่อนไหว มีกิจกรรมและมีการยอมรับความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง มีการปฏิรูปทางกฎหมาย การเพิ่มอำนาจให้กับชุมชน LGBTQ+ และการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทีเส็บจึงได้จัดทำนโยบายให้การสนับสนุนกิจกรรมไมซ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็น Diversity, Equity และ Inclusivity เพื่อเตรียมเสนอประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ WorldPride 2030 โดยมีจุดมุ่งหมายในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนไพรด์ของไทย และเชื่อมโยงกับเครือข่ายไพรด์ระดับโลก รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการเป็นจุดหมายปลายทางการจัดงานระดับโลก" นายจิรุตถ์กล่าว

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าหากประเทศไทยสามารถคว้าการจัดงานนี้มาได้ จะมีผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศเดินทางมาประเทศไทยนับล้านคน โดยระยะเวลาการจัดงานอยู่ในช่วง 4 สัปดาห์ของการจัดงาน หรือสามารถจัดกิจกรรมหลายเดือนหรือตลอดทั้งปี ประเมินว่างาน WorldPride 2030 จะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์อย่างมากจากการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศไทย ตลอดจนสร้างโอกาสทางธุรกิจมากมาย และจะช่วยเพิ่มจีดีพีของประเทศไทยได้สูงถึง 8.9 พันล้านบาท ขณะที่มูลค่าการท่องเที่ยวทั่วโลกของคนกลุ่มนี้มีมูลค่าประมาณ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้าน นายสมพล สิทธิเวช หรือ "วิกกี้" รองประธานกลุ่มอันดามันพาวเวอร์ ภูเก็ต ผู้ร่วมก่อตั้งและจัดงาน Phuket Pride และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในการผลักดันให้ภูเก็ตเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน InterPride World Conference 2025 กล่าวเสริมว่า งานดังกล่าวแสดงถึงความร่วมมืออันเข้มแข็งของชุมชน LGBTQ+ ของไทย เพราะการเสนอตัวต้องเป็นในนามองค์กรชุมชน โดยมีทีเส็บเป็นผู้สนับสนุนหาข้อมูลในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ

ขณะที่จังหวัดภูเก็ตเองก็มีความในทุกมิติ เช่น มีสนามบินนานาชาติ มีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ ภาครัฐสนับสนุน 100% รวมถึงเป็นเมืองที่เปิดกว้างต้อนรับความหลากหลายทางเพศ ซึ่งหากภูเก็ตสามารถแข่งขันชนะเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ได้ จะสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงอย่างมหาศาล โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนชุมชนความหลากหลายทางเพศให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ จะเป็นประกาศนียบัตรให้ประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ World Pride 2030 ต่อไป

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit