อินเตอร์เนชันแนล เวิร์คเพลซ กรุ๊ป (IWG) ผู้ให้บริการโซลูชันการทำงานแบบไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายใต้แบรนด์ Spaces, Regus และ HQ พร้อมเดินหน้าขยายเครือข่ายพื้นที่ทำงานในประเทศไทย โดยเตรียมเปิดตัว 12 แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี พัทยา และระยอง พื้นที่ทำงานเหล่านี้มีกำหนดเปิดให้บริการเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 จนถึงสิงหาคม 2568 และจะมอบความยืดหยุ่นที่โดดเด่นและการเข้าถึงที่สะดวกสบาย ที่ตอบโจทย์ความต้องการของบริษัททุกขนาดในประเทศไทย
การขยายสาขาใหม่ในประเทศไทยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความสำเร็จของ IWG ซึ่งทำทั้งสถิติรายได้ กระแสเงินสด และการเติบโตของกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมไปกับการเติบโตของเครือข่ายอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เพียงปีเดียว IWG ได้เซ็นสัญญาเปิดศูนย์ใหม่ถึง 465 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ ความหลากหลายของแนวทางในการพัฒนาพื้นที่การทำงานแต่ละแห่งทั้ง 12 แห่ง ยังสะท้อนถึงศักยภาพของ IWG ในการตอบโจทย์ความต้องการด้านการทำงานแบบไฮบริดของแต่ละตลาด ผ่านกลยุทธ์ที่ปรับให้เหมาะสมกับบริบทในแต่ละพื้นที่นั้น (Highly Localized Approach)
ปัจจุบัน อินเตอร์เนชันแนล เวิร์คเพลซ กรุ๊ป (IWG) มีพื้นที่ให้บริการเพื่อการทำงานในประเทศไทยรวม 46 แห่ง รวมถึงพื้นที่แห่งใหม่ที่เปิดให้บริการในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และมีแผนจะเปิดพื้นที่เพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 12 แห่ง ภายในปี 2568
เปิดตัว Regus แห่งใหม่ในภูเก็ต
Regus Kata เตรียมเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2568 บนเกาะภูเก็ตอันงดงาม โดยเป็นพื้นที่อาคารเดี่ยวขนาด 1,323 ตารางเมตร สูง 3 ชั้น ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง IWG และ บริษัท ภูเก็ตหาดกะตะ จำกัด ในการปรับปรุงอาคารพาณิชย์ 7 คูหา ให้กลายเป็นศูนย์การทำงานแบบไฮบริดที่ทันสมัย ทั้งนี้Regus Kata Thani ตั้งอยู่ระหว่างตัวเมืองภูเก็ตและหาดป่าตอง หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด ด้วยทำเลที่ตั้งโดดเด่นด้วยการเดินทางที่สะดวก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ท่ามกลางร้านค้าและที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง
6 พื้นที่เพื่อการทำงานใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ
อินเตอร์เนชันแนล เวิร์คเพลซ กรุ๊ป (IWG) ยังคงเดินหน้าตอบรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของพื้นที่ทำงานที่มอบความยืดหยุ่นที่มีคุณภาพสูง พร้อมผลักดันแนวคิด "15-Minute City" หรือเมืองที่ผู้คนสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียเวลาการเดินทางไกลจากที่พักอาศัยโดยตลอดช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2568 IWG จะเปิดตัวพื้นที่ทำงานใหม่ 7 แห่งทั่วกรุงเทพฯ โดย 4 แห่งตั้งอยู่ในทำเลศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ที่โดดเด่น
เปิดตัว Regus ใหม่ 2 แห่งในกรุงเทพฯ
เปิด 3 ศูนย์ใหม่ในกรุงเทพฯ
HQ เปิดพื้นที่ทำงาน 2 แห่งในกรุงเทพฯ และ 1 แห่งในสมุทรปราการ
HQ กำลังขยายการดำเนินงานในกรุงเทพฯ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่บริษัท เอส.พี.อาคาร จำกัดโดยจะเปิดพื้นที่การทำงานใหม่สองแห่งในเดือนพฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ HQ S.P. Building ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานตั้งอยู่ในย่าน พญาไท และห่างจากสถานี BTS อารีย์ เพียงไม่กี่ก้าว จะเพิ่มพื้นที่ใช้สอย 1,092 ตารางเมตร ให้กับบริการของ HQ ในกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีการบริการจาก IWG อย่างแข็งแกร่งผ่านพื้นที่ต่างๆ มีอัตราการเช่าพื้นที่สูงกว่า 90%
ด้วยการเติบโตของตลาดที่ก้าวกระโดดเนื่องจากการที่บริษัททุกขนาดหันมาใช้รูปแบบการทำงานในแบบไฮบริด ในระยะยาว คาดการณ์ว่า 30% ของพื้นที่สำนักงานเชิงพาณิชย์ทั่วโลกจะกลายเป็นพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นได้ภายในปี 2573 ด้วยความร่วมมือกับ IWG พันธมิตรสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสในตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมได้รับการสนับสนุนจากประสบการณ์ระดับโลกของ IWGทั้งนี้ ข้อมูลจากGlobal Workplace Analytics ระบุว่า การทำงานแบบไฮบริดช่วยให้บริษัทลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉลี่ยสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 9,000 ปอนด์ต่อพนักงานหนึ่งคน (โดยประมาณ 390,000 บาท)
มาร์ค ดิกซัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง อินเตอร์เนชันแนล เวิร์คเพลซ กรุ๊ป (IWG) กล่าวว่า "กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี พัทยา และระยอง คือศูนย์กลางมทางธุรกิจที่สำคัญของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทำเลที่ยอดเยี่ยมและยังสอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจของเราอย่างดีเยี่ยม แนวคิดการทำงานแบบไฮบริดกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของตลาดแรงงานไทยและทั่วโลก ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่นคุณภาพสูงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้"
"พื้นที่การทำงานใหม่ทั้ง 12 แห่งภายใต้แบรนด์ Spaces, Regus และ HQ คือการตอกย้ำกลยุทธ์ Multi-Brand Strategy ของเรา ที่มุ่งตอบโจทย์ทุกกลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ทั้งในด้านความพึงพอใจของพนักงานและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการคัดสรรทำเลที่เหมาะสมและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรในประเทศไทย และตั้งตารอที่จะร่วมมือกันผลักดันประสิทธิภาพและการดำเนินงานของธุรกิจให้เติบโตต่อไปในอนาคต"
การเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำงานแบบไฮบริดกำลังเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาล โดยคาดว่ามีพนักงานในกลุ่ม white-collar ทั่วโลกประมาณ 1.2 พันล้านคน และขนาดตลาดที่สามารถเข้าถึงได้ทั้งหมดมีมูลค่ากว่า 1.57 ล้านล้านปอนด์ (ประมาณ 68.46 ล้านล้านบาท) การใช้พื้นที่สำนักงานแบบดั้งเดิมจะยังคงลดลง เนื่องจากธุรกิจต้องการพื้นที่ที่ไม่ใช่สำนักงานแบบเดิม และหันมาใช้พื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่นแทน ในปี 2023 IWG ต้อนรับพันธมิตรใหม่ในกว่า 800 พื้นที่ และมีลูกค้ารวมถึง 83% ของบริษัทใน Fortune 500
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit