อาการถุงใต้ตา หรือรอยคล้ำใต้ดวงตาเป็นปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส ดูหม่นหมอง เพราะเป็นบริเวณที่มีผิวบางและบอบบาง มักจะเกิดได้ง่ายจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด การนอนไม่พอ หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ก็ตาม ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับปัญหานี้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว บางคนก็ปล่อยปละละเลย แต่บางคนก็หาวิธีแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะถุงใต้ตาไม่เพียงแค่ทำให้ดูเหนื่อยล้า แต่ยังบ่งบอกถึงสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์ด้วย
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะค่อยๆ หย่อนคล้อย รวมถึงบริเวณรอบดวงตา ทำให้เกิดริ้วรอยและถุงใต้ตาได้ง่าย เนื่องจากผิวบางและบอบบางกว่าบริเวณอื่น ประกอบกับการทำงานของกล้ามเนื้อที่ค่อยๆ เสื่อมลง
การนอนหลับไม่เพียงพอหรือนอนดึกเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายขาดพักผ่อน ผิวหน้าจึงดูไม่สดใส มีรอยคล้ำง่าย โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา นอกจากนี้การนอนหงายอาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เกิดการคั่งของเลือดใต้ดวงตา
ภาวะขาดสารอาหารบางชนิด เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี และวิตามินซี อาจทำให้ผิวหน้าซีดเซียว ขาดน้ำ มีถุงใต้ตาได้ง่าย ปัญหาสุขภาพบางอย่างเช่น ภูมิแพ้ โรคไต หรือโรคหัวใจ ก็สามารถทำให้เกิดถุงใต้ตาได้เช่นกัน
4. สารก่อภูมิแพ้
การสัมผัสกับสิ่งแปลกปลอมหรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ละออง เกสรดอกไม้ หรือแม้แต่อาหารบางชนิด อาจทำให้เกิดอาการบวมรอบดวงตาได้ บางคนถึงขั้นมีถุงใต้ตาเป็นประจำเมื่อสัมผัสกับสิ่งนั้น
พฤติกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ยังเป็นสาเหตุสำคัญของถุงใต้ตาอีกด้วย เนื่องจากก่อให้เกิดการขาดน้ำ ผิวหนังแห้งกร้าน และหลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้เกิดรอยคล้ำง่าย
1. พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างเพียงพอเป็นวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลดีในการลดถุงใต้ตา ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และพยายามนอนในท่าตะแคงข้างเพื่อไม่ให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกจากร่างกายได้ดี ผิวพรรณจึงดูสดใสขึ้น อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการบวมได้ด้วย ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำวันละอย่างน้อย 8 แก้วขึ้นไป
3. ใช้กระเป๋าน้ำแข็ง การประคบกระเป๋าน้ำแข็งบริเวณรอบดวงตาเป็นเวลา 10-15 นาทีก่อนนอน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ดวงตาได้
4. ใช้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา การใช้ ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี และคอลลาเจน จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กระชับผิวรอบดวงตา และลดรอยคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทาครีมเป็นประจำทั้งเช้าและก่อนนอน
5. ผ่าตัดเสริมความงาม สำหรับกรณีที่ถุงใต้ตารุนแรงมาก การผ่าตัดเสริมความงามอาจเป็นทางเลือกที่ดี เช่น การผ่าตัดตกแต่งถุงใต้ตา (Blepharoplasty) ที่จะช่วยกำจัดถุงใต้ตาและผิวหนังส่วนเกินออกไปได้อย่างปลอดภัย
ถุงใต้ตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอายุ พฤติกรรมการนอนหลับ สุขภาพ หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อม ดังนั้นการดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม จะช่วยลดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ดวงตาได้เป็นอย่างดี แต่หากอาการรุนแรง การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาเสริมอาจจำเป็น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาที่ทำให้ใบหน้าคุณดูไม่สดใส ดูเหนื่อยล้า ที่ Lovely Eye & Skin Clinic มีทีมแพทย์ Lovely Specialist คอยให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของลูกค้า
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit