นายพรชลิต พลอยกระจ่าง กรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือBBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 21 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 หรือระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.03116 บาท และจะจ่ายเงินลดทุนครั้งที่ 5 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2-4 ปี 2567 (หรือระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 31 ธันวาคม 2567) ในอัตรา 0.214 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 3 มีนาคม 2568 อีกทั้งกำหนดจ่ายเงินปันผลและเงินลดทุนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 17 มีนาคม 2568
เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศจ่ายเงินครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 21 ครั้ง คิดเป็นเงิน 3.69564 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินลดทุนไป 5 ครั้ง คิดเป็นเงิน 0.715 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินลดทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 4.41064 บาทต่อหน่วย
โดยตั้งแต่ปีปฏิทิน 2566 เป็นต้นไป หากกองทุนฯ จะจ่ายเงินลดทุนสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างปีปฏิทิน กองทุนฯ จะรวบรวมเงินลดทุนดังกล่าวไปจ่ายพร้อมกับเงินจ่ายที่จะพิจารณาจากรอบผลการดำเนินงานสุดท้ายของปีปฏิทินนั้นๆ โดยสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 กองทุนฯ มีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 11.1 ล้านบาท หรือ 0.02163 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 กองทุนฯ มีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 10.8 ล้านบาท หรือ 0.02106 บาทต่อหน่วย และสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 กองทุนฯ จะมีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 88.3 ล้านบาท หรือ 0.17137 บาทต่อหน่วย
สรุปผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2567 พบว่า รายได้รวมเท่ากับ 195.1 ล้านบาท ลดลง 4.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 16.5% จากไตรมาสก่อน โดยสาเหตุหลักของการลดลงดังกล่าวเป็นเพราะรายได้อื่นลดลง 99.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 159.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากค่าใช้จ่ายรวมลดลงในอัตราที่สูงกว่าการลดลงของรายได้รวม และมีอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ 81.5% เพิ่มขึ้นจาก 76.9% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 พบว่ามีรายได้รวมเท่ากับ 791.8 ล้านบาท ลดลง 3.3% จากปีก่อน โดยสาเหตุหลักของการลดลงดังกล่าว เป็นเพราะรายได้จากเงินลงทุนในสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิลดลง 2.8% จากปีก่อน เป็น 779.9 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิในปี 2567 อยู่ที่ 622.4 ล้านบาท ลดลง 1.6% จากปีก่อน สาเหตุจากรายได้รวมลดลง แ ละมีอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ 78.6% เพิ่มขึ้นจาก 77.2% ในปีก่อน
กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์
ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit