ธนาคารกรุงไทย เติบโตตามยุทธศาสตร์ ไตรมาส 2 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ จำนวน 11,195 ล้านบาท มุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่น บริหารพอร์ตสินเชื่อได้อย่างสมดุล รักษา Coverage Ratio ในระดับสูง รองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เดินหน้าช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางแก้หนี้ ส่งเสริมการมีสุขภาพทางการเงินที่ดีอย่างยั่งยืน
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 อยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทายโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 ทั้งนี้การฟื้นตัวยังต่ำกว่าศักยภาพ และเป็นการฟื้นตัวแบบ K-shaped Recovery โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายภาครัฐ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ การลดภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงมาตรการเพิ่มกำลังซื้อผู้บริโภคในระยะข้างหน้า ขณะที่ภาคการส่งออกฟื้นตัวได้จำกัดจากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ มาตรการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และสภาวะภูมิอากาศแปรปรวน นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงในขณะที่มีค่าครองชีพสูงขึ้น ธุรกิจ SME รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากที่อยู่นอกระบบยังเปราะบางและขาดความยืดหยุ่นในการปรับตัวจึงฟื้นตัวได้ช้า รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้างซึ่งกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน
ธนาคารกรุงไทย จึงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ มุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่น รักษา Coverage Ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ พร้อมดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูงให้สามารถปรับตัวและฟื้นตัว ในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการช่วยเหลือให้ครอบคลุมและตรงจุด เช่นมาตรการรวมหนี้และแก้หนี้อย่างยั่งยืนตามลักษณะและประเภทของกลุ่มลูกค้าเปราะบาง โดยยึดมั่นในแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) สนับสนุนให้ธนาคารเติบได้โตตามเป้าหมาย ทั้งในด้านคุณภาพสินทรัพย์ และการบริหาร Portfolio เพื่อรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มุ่งเน้นคุณภาพ
ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2567 เทียบกับไตรมาส 1/2567 ธนาคารมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและระมัดระวัง ติดตามคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด รักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ร้อยละ 181 ตั้งสำรองในระดับที่เหมาะสมใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมาเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และบริหารจัดการ Portfolio เพื่อรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มุ่งเน้นคุณภาพ ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 11,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1.1 โดยรายได้รวมจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 3.1 สินเชื่ออยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2566 แม้ปรับลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาจากการชำระคืนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อภาครัฐ ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานอื่นๆลดลงร้อยละ 7.3 จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 41.7 สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับลงอยู่ที่ระดับ 98,701 ล้านบาท และ NPLs Ratio ที่ร้อยละ 3.12
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารมุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและระมัดระวังต่อเนื่อง รักษา Coverage ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ พร้อมตั้งสำรองในระดับที่เหมาะสมใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 22,274 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 โดยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวร้อยละ 12.9 ทั้งจากการบริหารจัดการ Portfolio เพื่อรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มุ่งเน้นคุณภาพ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 42.6 โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายอย่างระมัดระวังโดยธนาคารตั้งค่าเผื่อด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายตามศักยภาพของทรัพย์สินอย่างเหมาะสม อีกทั้ง ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนเพื่อสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมลูกค้าในทุกภาคส่วนและเพื่อพร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต
ณ 30 มิถุนายน 2567 ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 17.57 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น ร้อยละ 20.75 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่องสูงกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด
ธนาคารมุ่งช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มให้มีสุขภาพทางการเงินที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมสนับสนุนแนวนโยบายของภาครัฐในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและผู้ประกอบการ SME รายย่อย ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR MLR และ MOR 0.25% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม - 15 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 3 แสนบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมมากกว่า 2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ยังเดินหน้าขยายความร่วมมือโครงการ "สินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน" เพื่อช่วยเหลือข้าราชการกลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูง มุ่งลดภาระทางการเงิน เพิ่มความสามารถในการดำรงชีพอย่างเหมาะสม รวมถึงให้ความรู้ สร้างวินัยการเงิน กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว เพื่อสุขภาพทางการเงินที่ดีอย่างยั่งยืน ตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)
ธนาคารกรุงไทย มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรด้วยนวัตกรรมและปฏิรูปองค์กรอย่างต่อเนื่อง ให้ก้าวนำการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจยุคใหม่ ขับเคลื่อน "นวัตกรรมสร้างคุณค่า ตอบโจทย์ลูกค้า สู่ความยั่งยืน" พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัย บนดิจิทัลแพลตฟอร์มและให้บริการทางการเงินผ่านทุกช่องทาง เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างสะดวก ทั่วถึง และเท่าเทียม พร้อมตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม เช่น Transition Finance (ผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม) เงินฝากสีเขียวภายใต้มาตรฐานสากล และผลิตภัณฑ์บริหารจัดการทางการเงินเชื่อมโยงกับเป้าหมายด้าน ESG เป็นต้น ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings ได้ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารที่ BBB+ และ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ AAA(tha) โดยมีมุมมองเชิงบวกด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
KASIKORNBANK FINANCIAL CONGLOMERATE reaffirms its leadership in financial innovation and digital technology with the introduction of Orbix Group at Money20/20 Asia — a global fintech seminar to be held April 22-24, 2025, at the Queen Sirikit National Convention Center. The event brings together global and regional banks, leading payment service providers from Asia and around the world, tech leaders, investors and venture capital firms, startups, top regulatory bodies in Asia, and various media
แรบบิทแคชส่งแคมเปญ "กระเป๋าเงินทุนออนไลน์" กระเป๋าเงินทุนที่เข้าใจหัวใจ คนค้าขาย พร้อมเคียงข้างพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ให้ฝันไปต่อได้ทุกวัน
—
บริษัท แรบบิท แคช...
วงเงินสินเชื่อคืออะไร? เข้าใจง่าย ๆ ใน 3 นาที
—
คุณเคยสับสนกับคำว่า "วงเงินสินเชื่อ" ในใบสมัครหรือเอกสารจากธนาคารไหม? หรือรู้สึกงงว่าทำไมบางคนขอสินเชื่อ...
บัตรสินเชื่อโลตัส พรีเมียร์ เพิ่มสิทธิประโยชน์บัตร ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทุกการใช้จ่าย
—
บัตรสินเชื่อโลตัส พรีเมียร์ เพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ เอาใจสมาชิกบัตรฯ ต...
ทีทีบี จับมือ จุฬาฯ เปิดหลักสูตรพิเศษ Wealth Empowerment Program สำหรับกลุ่มลูกค้า Wealth
—
ทีทีบี จับมือ จุฬาฯ เปิดหลักสูตรพิเศษ Wealth Empowerment Progr...
ผถห.DTCENT โหวตหนุนจ่ายปันผล 0.06 บ./หุ้น ชู 5 กลยุทธ์การแข่งขัน-ใช้ AI พัฒนาโปรดักส์-โซลูชั่น ดันรายได้ปี 68 เติบโต 10-15% นิวไฮต่อเนื่อง
—
ผู้ถือหุ้น บม...
"WashXpress" ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขาย IPO ติดปีกเพิ่มศักยภาพธุรกิจ มุ่งสู่ผู้นำร้านสะอาดซักครบวงจร
—
"บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน)" หรือ "WASH" หนึ่งในผ...
Thai Credit Bank (CREDIT) announced financial performance for the first quarter of 2025 with a net profit of THB 903.0 million
—
Thai Credit Bank (CREDIT)...
ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568
—
ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยกำไรสุทธิที่ 903.0 ล้านบาท เพิ...