บลจ.กสิกรไทย ชี้การเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจโลก ส่ง Know The Markets ฉายภาพมุมมองการลงทุนเชิงลึก

05 Aug 2024

บลจ.กสิกรไทย เปิดมุมมองการลงทุนเชิงลึกทั่วโลกผ่าน Know The Markets โดยแนะนำให้ผู้ลงทุนไทย Stay Invested ชี้การเลือกตั้งสหรัฐฯ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก มองกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโต รัฐบาลอินเดียเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานส่งผลบวกในระยะยาว และการปรับสถานะของเวียดนามเป็น Emerging Markets จะช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้เพิ่มขึ้น ส่วนไทยคาดว่าจะ Upside ในไตรมาสที่ 4 จากเม็ดเงินลงทุน ThaiESG และโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

บลจ.กสิกรไทย ชี้การเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจโลก ส่ง Know The Markets ฉายภาพมุมมองการลงทุนเชิงลึก

นายวจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์, CFA, Chief Investment Officer บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย และพาร์ทเนอร์ระดับโลก J.P. Morgan Asset Management ร่วมเปิดมุมมองการลงทุนเชิงลึกทั่วโลกผ่าน "Know The Markets สุดยอดคัมภีร์การลงทุนที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อผู้ลงทุนไทย" โดยในไตรมาสที่ 3 ยังคงแนะนำให้ผู้ลงทุนมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง (Stay Invested) ให้น้ำหนักไปที่หุ้นสหรัฐฯ อินเดีย และเวียดนาม รวมถึงตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยการเลือกตั้งสหรัฐฯ จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ความผันผวนในตลาดหุ้นจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเข้าใกล้วันเลือกตั้ง โดยในระยะสั้น เม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้ากลุ่มธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายของผู้สมัครที่มีแนวโน้มจะได้รับการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ในระยะยาว ผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญกับอัตราดอกเบี้ยในตลาด และกำไรของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดต่อการตัดสินใจลงทุน

"การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง เงินเฟ้อทยอยปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ 2% อย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และสูงกว่าประเทศอื่นๆ ทางด้านเศรษฐกิจอินเดียภายใต้การนำของนาย Modi ที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นสมัยที่ 3 ทำให้นโยบาย 5 ปีต่อจากนี้มีความต่อเนื่อง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยยังคงเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างงาน และการพัฒนาชนบท ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดียในระยะยาว สำหรับเศรษฐกิจเวียดนาม ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและการส่งออก ประกอบกับแนวโน้มการแข็งค่าของเงินด่องเมื่อ Fed เริ่มลดดอกเบี้ย และความชัดเจนของโอกาสที่ตลาดหุ้นเวียดนามจะถูกปรับสถานะขึ้นเป็นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets) จากเดิมที่มีสถานะเป็นกลุ่มประเทศชายขอบ (Frontier Markets) ซึ่งจะทำให้มีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาเพิ่มขึ้น" นายวจนะกล่าว

นายวจนะกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย มองว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากเม็ดเงินลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่คาดว่าจะเริ่มสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศได้ในไตรมาสที่ 4 อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยยังเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มองเป้าหมายดัชนี SET ปลายปีที่ 1450-1500 จุด คาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 14% ในปีนี้ และเติบโตต่อเนื่องที่ 13% ในปีหน้า โดยระดับมูลค่าหุ้น (Valuation) Forward PE ปัจจุบันยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง สำหรับตราสารหนี้ไทยในช่วงนี้มองเป็นโอกาสเข้าสะสมตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ระยะสั้น-กลาง โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยอยู่ที่ประมาณ 2.55% - 2.7%

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน