นายสุราษฎร์ เจริญชัยสกุล ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กทม. กล่าวกรณีมีข้อวิจารณ์สำนักการระบายน้ำ กทม. มีโครงการสร้างเขื่อนริมคลอง ซึ่งมีแนวทางดำเนินการขัดแย้งกับโครงการบ้านมั่นคง โดยไม่ดำเนินการรื้อถอนบ้านเรือนชุมชนที่รุกล้ำพื้นที่ริมคลอง แต่ยื่นข้อเสนอให้รื้อถอนเฉพาะบ้านที่กีดขวางโครงการฯ ว่า ปัญหาการบุกรุกแนวเขตคลองสาธารณะเป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรง เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาคุณภาพชีวิต และทางอ้อม เช่น ปัญหาน้ำท่วม จากปัญหาดังกล่าวและน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 55 เห็นชอบข้อเสนอการบริหารจัดการสิ่งรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ โดยให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) และ กทม. ร่วมกันดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่บุกรุกลำน้ำสาธารณะ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พิจารณาจัดหาที่พักอาศัยถาวรให้กับผู้บุกรุก ซึ่งในระยะเร่งด่วนได้กำหนดคลองสำคัญที่มีปัญหาการรุกล้ำ ได้แก่ คลองบางซื่อ คลองบางเขน คลองลาดพร้าว คลองสอง คลองเปรมประชากร คลองพระยาราชมนตรี คลองสามวา คลองลาดบัวขาว คลองประเวศบุรีรมย์ และคลองพระโขนง
โดยเริ่มดำเนินการที่คลองลาดพร้าวเมื่อปี 2559 ได้พัฒนาคลองเปรมประชากรในปี 2562 และขณะนี้ สนน. อยู่ระหว่างดำเนินการโครงการพัฒนาคลองเปรมประชากรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และแก้ไขปัญหาน้ำท่วม/น้ำเน่าเสีย พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนริมคลอง และพัฒนาด้านการเดินทางเชื่อมต่อล้อ-ราง-เรือ โดยคลองเปรมประชากรในพื้นที่ช่วงจากสุดเขตกรุงเทพฯ ถึงถนนเทศบาลสงเคราะห์ ความยาวคลองประมาณ 13 กิโลเมตร (อยู่ในพื้นที่เขตดอนเมือง เขตหลักสี่ และเขตจตุจักร) มีปัญหาบ้านรุกล้ำ 4,398 หลัง ซึ่งในการดำเนินการจะต้องรื้อย้ายบ้านรุกล้ำ เพื่อให้ สนน. ก่อสร้างเขื่อน และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลอง โดยที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมเจรจาสร้างความเข้าใจกับผู้รุกล้ำ เพื่อให้เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง เมื่อโครงการมีความคืบหน้าถึงขั้นตอนการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำ สนน. จะแจ้งผู้รับจ้างให้เข้าพื้นที่ เพื่อก่อสร้างเขื่อน
อย่างไรก็ตาม การรื้อย้ายบ้านรุกล้ำดังกล่าวมีความล่าช้ากว่าแผนงานมาก เนื่องจากมีผู้รุกล้ำจำนวนมากที่ไม่ให้ความร่วมมือ โดยตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบันสามารถรื้อย้ายบ้านรุกล้ำได้ 1,232 หลัง จากทั้งหมด 4,398 หลัง (คิดเป็นร้อยละ 28) ซึ่งบริเวณที่มีการระบุข้างต้น คือ บริเวณชุมชนเปรมสุขสันต์และชุมชนมิตรประชา เขตหลักสี่ โดยที่ชุมชนมิตรประชา (ฝั่งตรงข้ามชุมชนเปรมสุขสันต์) ได้รื้อย้ายบ้านรุกล้ำ ความยาวประมาณ 150 เมตร และอยู่ระหว่างการก่อสร้างบ้านมั่นคง แต่ยังไม่มีการก่อสร้างเขื่อน เนื่องจากการก่อสร้างเขื่อนต้องนำเครื่องจักรลงไปทำงานก่อสร้างในคลอง แต่คลองเปรมประชากรบริเวณดังกล่าวมีสภาพแคบ ความกว้างไม่พอที่จะให้โป๊ะและเครื่องจักรลงไปทำงานก่อสร้างได้ สนน. จึงได้เจรจากับชาวชุมชนเปรมสุขสันต์ขอรื้อบ้านรุกล้ำความกว้างประมาณ 5-8 เมตร ตลอดแนวความยาวประมาณ 150 เมตร เพื่อขยายคลองให้เพียงพอที่จะนำโป๊ะและเครื่องจักรลงไปทำงานก่อสร้างและขุดลอกคลองได้ โดยที่ สนน. ไม่ได้แจ้งชาวชุมชนว่า เมื่อสร้างเขื่อนแล้วจะไม่ต้องก่อสร้างบ้านมั่นคงตามที่เป็นข่าว แต่อย่างใด เมื่อมีการก่อสร้างเขื่อนแล้วยังกันพื้นที่สำหรับการก่อสร้างบ้านมั่นคงตามที่กำหนดในแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร
ทั้งนี้ การก่อสร้างเขื่อนบริเวณดังกล่าวเป็นประโยชน์ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและลดความเสียหายจากน้ำท่วมในพื้นที่ เนื่องจากคลองเปรมประชากร มีสภาพแคบและตื้นเขินมาก ทำให้เป็นปัญหาด้านการระบายน้ำจากถนนแจ้งวัฒนะ รวมถึงปัญหาการระบายน้ำจากคลองเปรมประชากรด้านทิศเหนือลงมา ตั้งแต่ถนนสรงประภา ถนนช่างอากาศอุทิศ จะระบายผ่านจุดนี้ได้ช้า ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำ ประกอบกับสภาพคลองแคบและตื้นเขิน กทม. จึงยังไม่สามารถเข้าไปก่อสร้างเขื่อนได้ ซึ่งจากการเจรจากับชุมชนเปรมสุขสันต์ได้รับความร่วมมือให้รื้อย้าย เพื่อก่อสร้างเขื่อน โดยชาวชุมชนแจ้งว่า ช่วงฤดูฝนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเนื่องจากระดับน้ำในคลองเปรมประชากรมีระดับสูงทุกปี จึงขอให้ก่อสร้างเขื่อน เพื่อป้องกันน้ำท่วม และขอให้ซ่อมบ้านส่วนที่ได้รับความเสียหายจากการรื้อย้ายให้ด้วย ต่อมาจึงได้รื้อบ้านรุกล้ำที่กีดขวางแนวก่อสร้างเขื่อนที่ชุมชนเปรมสุขสันต์ ตามที่เป็นข่าว และเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากบ้านมั่นคงที่ พอช. ก่อสร้างก่อนการก่อสร้างเขื่อน เนื่องจากฝั่งตรงข้ามจุดดังกล่าว (ชุมชนมิตรประชา) อยู่ระหว่างการก่อสร้างบ้านมั่นคง หากก่อสร้างบ้านมั่นคงเสร็จก่อน การก่อสร้างเขื่อนภายหลังจะทำให้บ้านมั่นคงเกิดความเสียหายได้
ปัจจุบัน กทม. ได้ประชุมหารือร่วมกับ พอช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะก่อสร้างเขื่อนและก่อสร้างบ้านมั่นคงพร้อมกัน โดยไม่ก่อสร้างบ้านมั่นคงก่อนการก่อสร้างเขื่อน เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้างเขื่อน รวมถึงการก่อสร้างเขื่อนซึ่งมีโครงสร้างขนาดใหญ่ หากดำเนินการภายหลังอาจเกิดความเสียหายกับบ้านมั่นคง อีกทั้งที่ผ่านมาในพื้นที่ชุมชนตลาดหลักสี่ เขตหลักสี่ กทม. จะต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขรูปแบบก่อสร้าง เพื่อให้สามารถก่อสร้างเขื่อนในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างบ้านมั่นคงก่อน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรูปแบบดังกล่าว ทำให้ค่าก่อสร้างเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 15 ล้านบาท โดยจากการที่ สนน. มีหนังสือถึงชุมชนเปรมสุขสันต์ เพื่อขอเข้าก่อสร้างเขื่อนและจะจัดซ่อมส่วนที่เสียหายจากการรื้อย้ายเป็นการดำเนินการเฉพาะพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาการก่อสร้างบ้านมั่นคงก่อนการก่อสร้างเขื่อน และเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการระบายน้ำในช่วงฤดูฝน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ดำเนินการในลักษณะเดียวกันทุกพื้นที่แต่อย่างใด และเพื่อการบริหารสัญญาก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร เนื่องจากการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ที่ผ่านมาผู้รับจ้างต้องหยุดงานรอการส่งมอบพื้นที่หลายครั้ง หากผู้รับจ้างต้องหยุดรอการส่งมอบพื้นที่เป็นเวลานานจะมีผลกับการบริหารสัญญา เนื่องจากผู้รับจ้างอาจขอยุติสัญญาก่อสร้างเขื่อน จะทำให้กระทบกับการพัฒนาคลองเปรมประชากร ปัจจุบันผู้รับจ้างได้ก่อสร้างเขื่อนในพื้นที่ส่งมอบแล้วเสร็จทั้งหมดและหยุดรอการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำ เพื่อส่งมอบพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีแผนรื้อย้ายที่ชัดเจน
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา กทม. ได้เร่งรัดผู้รับจ้างดำเนินการขุดลอกคลองในพื้นที่ที่รื้อย้ายบ้านรุกล้ำแล้วพร้อมกับการก่อสร้างเขื่อน ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่สามารถรื้อย้ายได้และติดปัญหาบ้านรุกล้ำทั้งสองฝั่ง กทม. ได้เปิดทางน้ำ เพื่อป้องกันและแก้ไขน้ำท่วม แต่เนื่องจากสภาพคลองที่แคบและตื้นเขิน การเปิดทางน้ำทำได้จำกัด หากเปิดทางน้ำกว้าง หรือลึก อาจเกิดความเสียหายกับบ้านรุกล้ำริมคลองได้ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ที่สามารถรื้อย้ายและก่อสร้างเขื่อนพร้อมกับบ้านมั่นคงได้ กทม. จะเร่งก่อสร้างเขื่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับการก่อสร้างบ้านมั่นคง ส่วนพื้นที่ที่รื้อย้าย เพื่อก่อสร้างเขื่อนแล้วต้องรื้อย้ายและจัดระเบียบที่อยู่อาศัย พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลองต่อไป
สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร จากสุดเขตกรุงเทพฯ ถึงถนนเทศบาลสงเคราะห์ มีการดำเนินการโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร 4 ช่วง (ณ วันที่ 10 ก.ค. 67) ดังนี้ ช่วงที่ 1 จากคลองบ้านใหม่ถึงบริเวณหมู่บ้านแกรนด์คาแนล (อยู่ในพื้นที่เขตดอนเมือง) ความยาว 581 เมตร ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน ธ.ค. 62 ช่วงที่ 2 จากสุดเขตกรุงเทพฯ ถึงคลองบ้านใหม่ และจากบริเวณหมู่บ้านแกรนด์คาแนล ถึงสรงประภา อยู่ในพื้นที่เขตดอนเมือง พื้นที่ก่อสร้างรวมทั้งโครงการ 5,000 เมตร มีบ้านรุกล้ำ 5 ชุมชน ส่งมอบพื้นที่ได้ความยาวรวม 1,190 เมตร (คิดเป็นร้อยละ 23.80) ก่อสร้างเขื่อนได้ความยาวรวม 980 เมตร มีผลงานความก้าวหน้าการก่อสร้างเขื่อนร้อยละ 19.60 (3) ช่วงที่ 3 จากถนนสรงประภาถึงถนนแจ้งวัฒนะ อยู่ในพื้นที่เขตดอนเมืองและเขตหลักสี่ พื้นที่ก่อสร้างรวมทั้งโครงการ 10,000 เมตร มีบ้านรุกล้ำ 14 ชุมชน ส่งมอบพื้นที่ได้ความยาวรวม 3,250 เมตร (คิดเป็นร้อยละ 32.50) ก่อสร้างเขื่อนได้ความยาวรวม 2,420 เมตร มีผลงานรวมทั้งโครงการประมาณ ร้อยละ 23.85 และช่วงที่ 4 จากถนนแจ้งวัฒนะถึงถนนเทศบาลสงเคราะห์ อยู่ในพื้นที่เขตหลักสี่และเขตจตุจักร พื้นที่ก่อสร้างรวมทั้งโครงการ 10,700 เมตร มีบ้านรุกล้ำจำนวน 13 ชุมชน ส่งมอบพื้นที่ ได้ความยาวประมาณ 4,188 เมตร ก่อสร้างเขื่อนได้ความยาวรวม 4,188 เมตร (ก่อสร้างเขื่อนแล้วเสร็จทั้งหมด) มีความก้าวหน้ารวมทั้งโครงการคิดเป็นร้อยละ 37.64 ซึ่งรวมทั้ง 4 ช่วง จากถนนเทศบาลสงเคราะห์ ถึงสุดเขตกรุงเทพฯ พื้นที่ก่อสร้างรวมทั้งโครงการ 26,160 เมตร มีบ้านรุกล้ำ 32 ชุมชน รื้อย้ายแล้ว 1,232 หลัง จากทั้งหมด 4,398 หลัง ใน 32 ชุมชน (คิดเป็นร้อยละ 28) รวมส่งมอบพื้นที่ ได้ความยาวประมาณ 9,208 เมตร (ร้อยละ 35.20) ก่อสร้างเขื่อนได้ความยาวรวม 8,168 เมตร (ร้อยละ 32.24)
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit