2) กลุ่มโซลูชั่นด้านดาต้า เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการดาต้าให้กับแบรนด์ให้ดีและสะดวกยิ่งขึ้นผ่านเครื่องมือ MyCustomer ซึ่งทำหน้าที่เป็นถังเก็บ รวบรวม และบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้แบรนด์สามารถนำมาข้อมูลมาจำแนก แบ่งกลุ่มเป้าหมาย ในการสื่อสารและทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงได้ โดย LINE มีแผนพัฒนาความสามารถใหม่ๆ ให้กับเครื่องมือ MyCustomer ได้แก่ Customer Profile Importer การจับคู่ข้อมูลด้านโปรไฟล์ของลูกค้ากับผู้ติดตามใน LINE OA โดยจะมีกำหนดเริ่มให้บริการในช่วงปลายปี 2024 Marketing Automation ฟังก์ชั่นการเซ็ตเงื่อนไขให้ระบบทำงานบางอย่างแบบอัตโนมัติให้ ทำให้แบรนด์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดได้ แบ่งเบาภาระการทำงานของบุคลากร อาทิ การเซ็ตระบบให้ส่งโปรโมชันพิเศษไปหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายในโอกาสสำคัญ เช่น ครบรอบวันเกิด หรือช่วงซัมเมอร์เดย์ของแบรนด์ เป็นต้น โดยจะมีกำหนดเริ่มให้บริการในช่วงต้นปี 2025 DATA Connector เปิดการเชื่อมต่อดาต้ากับระบบภายนอกอื่นๆ ที่แบรนด์ใช้งาน อาทิ SAP, SALEFORCE ฯลฯ ทำให้แบรนด์สามารถใช้ประโยชน์จากดาต้าได้ดียิ่งขึ้น และ Predictive Audience นำเอาเทคโนโลยี AI มาช่วยแนะนำ คาดการณ์กลุ่มเป้าหมายใหม่ ตามลักษณะกิจกรรม พฤติกรรมและโปรไฟล์ต่างๆ ตามข้อมูลลูกค้าที่แบรนด์มี เพื่อนำไปใช้ในการสื่อสาร การตลาดแบบ Re-Targeting ได้ โดยทั้งสองฟังก์ชั่นท้ายนี้มีแผนเปิดให้บริการในกลางปี 2025นอกจากนี้ ในส่วนของเครื่องมือ MyCustomer | CRM ที่ร้านค้านิยมใช้ในการบริหารจัดการดาต้าในด้าน CRM ทั้งในรูปแบบระบบสมาชิกและแจกพอยท์ LINE มีแผนยกระดับความสามารถ เปิดการเชื่อมต่อข้อมูลกับช่องทางการขายอื่นๆ ได้ อาทิ อีมาร์เก็ตเพลส ช่องทางโซเชียลต่างๆ ภายในสิ้นปีนี้ รวมไปถึงแผนเชื่อมต่อข้อมูลกับบริการสั่งอาหาร LINE MAN และร้านค้าที่ใช้งาน Wongnai POS ภายในปี 2025 ช่วยให้ร้านค้าสามารถระบุตัวตนลูกค้าได้แม่นยำขึ้นจากฐานข้อมูลที่ใหญ่และครอบคลุมมากกว่าเดิม ลูกค้าได้รับประสบการณ์ในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพิ่มเติมร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ขณะเดียวกัน LINE ยังมีแผนพัฒนาฟังก์ชั่น Special Event Targeting ช่วยในการนำดาต้าของลูกค้ามาสร้างกิจกรรมพิเศษตามกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้ เช่น การส่งโปรโมชันพิเศษวันเกิด ข้อเสนอเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น ลูกค้าประจำ ลูกค้าที่อยู่กับแบรนด์มานาน ฯลฯ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ โดยฟังก์ชั่นดังกล่าวมีแผนเปิดให้บริการในปลายปีนี้3) กลุ่มเครื่องมือเพื่อติดตามผล มุ่งผลักดันให้เกิดการใช้งาน Conversion API ช่วยแบรนด์ในการติดตามผลพฤติกรรมผู้บริโภคได้ ในยุคที่ Cookieless Policy ยังคงเป็นข้อจำกัดและความท้าทายใหญ่สำหรับแบรนด์ในการได้มาซึ่งข้อมูล ด้วยบทบาทการเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการติดตามผลพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำและครอบคลุม ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการในไทยไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ผลลัพธ์การใช้งานจากแบรนด์ในญี่ปุ่นพบว่า การใช้งาน Conversion API สามารถช่วยเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชั่น (CVR) บนเว็บไซต์ได้มากขึ้นถึง 2 เท่า และขยายฐานผู้ใช้งานที่ใช้ระบบ iOS ได้สูงถึง 3 เท่าจากการใช้ Conversion API ควบคู่ไปกับ LINE Tag ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการใช้งาน Conversion API ในการช่วยแบรนด์ติดตามผลพฤติกรรมลูกค้า ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่แบรนด์มองหาได้อย่างลงตัวมุ่งสานต่อเป้าหมาย แพลตฟอร์มเปิดเพื่อธุรกิจไทย วิ่งให้ทันโลกที่หมุนเร็วสำหรับทิศทางการพัฒนาแพลตฟอร์มในระยะยาวเพื่อภาคธุรกิจไทย LINE จะมุ่งเน้นการพัฒนาไปใน 2 ด้านคือ ด้านผลิตภัณฑ์ อันได้แก่ 1) มุ่งเปิดกว้างในการสร้างและเชื่อมต่อเครื่องมือใหม่ๆ เข้ากับ LINE ภายใต้แพลตฟอร์ม LINE OA Plus สานต่อจุดมุ่งหมายในการเป็นแพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทย โดยเฉพาะภาคธุรกิจไทย ให้ได้เข้ามามีส่วนในการสร้างบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป และนักพัฒนาไทย ได้เข้ามามีบทบาทในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อร่วมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวมผ่าน Open API บนแพลตฟอร์ม LINE OA Plus นี้ 2) มุ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้ในการช็อปปิ้งผ่าน LINE OA เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว อาทิ การมีแชตบอทนำเสนอสินค้าและบริการได้ครบครัน ตรงใจ การสร้างตัวช่วยใหม่ๆ ให้แบรนด์สามารถนำอินไซต์ลูกค้าจากการแชต มาเป็นข้อมูลในการทำ Ad-Targeting ได้ รวมถึงช่วยให้ LINE พัฒนาปรับปรุงตัวเลือกใหม่ๆ ในการระบุกลุ่มเป้าหมาย Persona Targeting ให้หลากหลายยิ่งขึ้นไปด้วยในตัว 3) มุ่งพัฒนาการทำ Chat Commerce บน LINE ให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาเครื่องมือหรือฟังก์ชั่นในด้าน Sale Analysis ด้านการบริหารจัดการสินค้า/ออเดอร์สินค้าที่ค้างอยู่ในขั้นตอนการซื้อต่างๆ ด้านประสบการณ์การซื้อขายผ่านแชตบน LINE ให้ง่ายและรวดเร็วขึ้น รวมไปถึงพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานแชตบอทสำหรับแอดมิน ร้านค้าให้มีประสิทธิภาพขึ้นในอนาคตในส่วนทิศทางการพัฒนาด้านเทคโนโลยี LINE มุ่งเน้นไปที่การเปิดการเชื่อมต่อ MyCustomer API ผลักดันการใช้งานและเสริมประสิทธิภาพ LINE SHOPPING API และการใช้งาน Mini App ช่วยให้แบรนด์ ร้านค้าต่างๆ รวมถึงนักพัฒนาในไทยสามารถใช้เทคโนโลยีบน LINE สร้างการเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพมากขึ้นได้ในอนาคตระยะยาวทั้งหมดนี้คือโร้ดแมปและทิศทางการพัฒนาแพลตฟอร์มของ LINE ประเทศไทย เพื่อสนับสนุนธุรกิจยุคใหม่ ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอน พร้อมเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาตอบโจทย์ให้เหมาะสม เพราะนั่นคือกุญแจสำคัญในการเดินหน้าต่อไป LINE มุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งให้ภาคธุรกิจไทย ด้วยบทบาทของแพลตฟอร์มที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือการเก็บ บริหารจัดการดาต้าและเทคโนโลยีมากมาย ช่วยให้แบรนด์ปรับตัว ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที พร้อมเปิดกว้างสำหรับการร่วมมือกับพันธมิตรทางเทคโนโลยี ร่วมกันสร้างระบบนิเวศของธุรกิจดิจิทัลให้หมุนเวียนไปอย่างมั่นคง ผู้สนใจงาน Thailand NOW & NEXT สามารถติดตามรับชมงานย้อนหลังผ่านทาง YT: LINE for Business ได้เร็วๆ นี้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit