สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่ออุตสาหกรรมหรือสถาบัน ICTI สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จับมือเหล่าพันธมิตรผู้ให้บริการด้าน IoT Solution ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ องค์กรภาครัฐ และผู้ประกอบการด้าน IoT กว่า 30 บริษัท จัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้าน Industrial IoT และ Deep Tech เทคโนโลยีขั้นสูง ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิตในไทยประยุกต์ใช้และปรับปรุงโรงงานสู่อุตสาหกรรมอัจฉริยะ ภายใต้แนวคิด "Industrial IoT Transforming Manufacturing with Connected Intelligence" ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 5 โรงแรม S31 สุขุมวิท กรุงเทพฯ
ภายในงานพบกับ 5 โซน Industrial IoT จากผู้ให้บริการชั้นนำที่มาร่วมออกบูธแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ Smart Robot & Automation, Smart Factory, Smart Energy, Smart Green Tech และ Smart 5G & A IoT โดยผู้เข้าร่วมจะได้พบกับโปรโมชั่นและดีลดีที่สุดจากผู้ให้บริการทุกบูธ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดการใช้งานโซลูชั่นที่สนใจ การให้คำปรึกษาและประเมินความพร้อมเบื้องต้น
นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรชั้นนำมากกว่า 15 ท่านในแวดวงเทคโนโลยีระดับประเทศ มาร่วมบรรยายและแบ่งปันข้อมูลด้าน Industrial IoT ที่มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรม และความสำเร็จจากการประยุกต์ใช้ IoT ในองค์กรได้จริง ตลอดจนแนวทางและทิศทางการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี IoT จากภาครัฐ
นายปรนนท์ ฐิตะวรรโณ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสถาบัน ICTI ได้กล่าวเปิดงานและขึ้นปาฐกถาพิเศษในหัวข้อทิศทางอุตสาหกรรมไทยและการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในปี 2025 Unveiling Thai Industrial Direction for 2025 โดยกล่าวว่า "หลังจากอุตสาหกรรม
โลกได้พัฒนาจากยุคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน มาสู่ยุคแห่งการใช้เทคโนโลยีในการทำหน้าที่ต่างๆ โดยไม่ต้องมีคนช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง หรือช่วยเหลือให้น้อยที่สุด และยุคถัดไป คือ อุตสาหกรรมการบริการผนวกกับแนวคิดเชิงนวัตกรรม ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศไทยใหม่ ให้มีความทันสมัย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันของนานาประเทศทั่วโลก แม้ประเทศไทยจะมีจุดแข็งที่มีพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทางการเมือง เศรษฐกิจของภูมิภาค แต่ยังต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้รองรับต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อีกมาก"
"สำหรับการจัดงานในปีนี้ เราจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 แล้ว และยังได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานอย่างล้นหลามและคึกคักเช่นเดิม ซึ่งในปีนี้พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ในการนำเสนอนโยบายและโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการยกระดับองค์กรในด้านต่างๆ อาทิ เงินทุนสนับสนุนการนำเทคโนโลยีไปใช้งาน สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นต้น โดยในปีนี้มีผู้ลงทะเบียนร่วมงานกว่า 500 คน แสดงให้เห็นถึงกระแสความสนใจของผู้ประกอบการที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการภาคการผลิตมีศักยภาพการแข่งขันที่สูงขึ้น"
"นอกจากนี้ ในนามของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เรามีแนวทางการผลักดันผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวข้ามผ่านความท้าทายในโลกยุคใหม่ ผ่านนโยบาย 4GO ในการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME สู่ Smart SMEs เพื่อยกระดับสู่สากล ได้แก่ 1. GO Digital & AI: โครงการ "Digital
One" เพื่อช่วยยกระดับ SMEs ทั่วประเทศ ผ่านการประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัล พัฒนาทักษะแรงงานด้านดิจิทัล และส่งเสริมการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ 2. GO Innovation: สร้าง SMEs จิ๋วแต่แจ๋วด้วยนวัตกรรม และส่งเสริมให้ SMEs ผ่านกองทุน Innovation One มูลค่า 1,000 ล้านบาท 3. GO Global: สร้าง New Exporter เพื่อขยายการส่งออกสู่ตลาดโลก และยกระดับมาตรฐานสู่สากล และเข้าสู่ห่วงโซ่ Supply Chain ในตลาดโลก และ 4. GO Green: ส่งเสริมและเตรียมความพร้อมให้กับ SME ตามแนวคิด ESG และการปรับตัวสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงภายใต้แนวคิด BCG Model" นายปรนนท์ กล่าวทิ้งท้าย