นางละไม อัศวเลิศศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดกรณีเปลี่ยนชื่อถนนสุทธิสารวินิจฉัยเป็นถนนอินทามระทั้งหมด ว่า คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อ.1291/2555 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.430/2560 เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ (อุทธรณ์คำพิพากษา) ได้พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้า (กรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการเขตพญาไท และผู้อำนวยการเขตดินแดง) ดำเนินการในเรื่องการกำหนดและเปลี่ยนแปลงชื่อถนนและซอยบริเวณถนนสุทธิสารวินิจฉัยและซอยอินทามระทั้ง 59 ซอย ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ซึ่ง กทม. ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด โดยมีหนังสือถึงสำนักบังคับคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครอง เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้ข้อสรุปว่า เมื่อศาลฯ กำหนดคำบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าพิจารณากำหนดและเปลี่ยนแปลงชื่อถนนและซอยบนถนนสุทธิสารวินิจฉัยและซอยอินทามระทั้ง 59 ซอย ดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กรุงเทพมหานคร) จึงชอบที่จะไปดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ เพื่อให้ได้ผลพิจารณา หรือดำเนินการต่อไป ซึ่งเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ศาลฯ ไม่อาจก้าวล่วงได้
ทั้งนี้ คณะกรรมการกลางตั้งชื่อถนน ตรอก ซอย ฯลฯ ได้มีคำสั่งที่ 1/2560 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2560 ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เพื่อดำเนินการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เขตพญาไทและเขตดินแดง ซึ่งการสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามข้อ 15 (1) แห่งระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2535 โดยผลการสำรวจของสำนักงานเขตพญาไทและสำนักงานเขตดินแดงเกี่ยวกับการกำหนดชื่อถนนที่ต่อเนื่องกัน คือ ถนนสุทธิสารวินิจฉัยกับถนนอินทามระ สรุปว่า ประชาชนร้อยละ 78.03 มีความประสงค์ใช้ชื่อถนนสุทธิสารวินิจฉัย และร้อยละ 18.63 ใช้ชื่อถนนอินทามระ ซึ่ง กทม. ได้รายงานผลการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้สำนักบังคับคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครองทราบ ตามหนังสือกรุงเทพมหานคร ด่วนที่สุด ที่ กท 0405/177 ลงวันที่ 15 มกราคม 2561 แล้ว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit