ดำเนินการมาครบ 1 ปีแล้ว สำหรับโครงการ Let's Read and Play ส่งเสริมการอ่านผ่านนิทาน และการเล่น ที่ทาง กทม. ร่วมกับมูลนิธิเอเชีย ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท โนมูระ สิงคโปร์ จำกัด ได้จัดทำขึ้น โดยคัดเลือกหนังสือนิทานภาษาไทย 64 เรื่อง จากห้องสมุดดิจิทัล Let's Read มาออกแบบเป็นหลักสูตรและทำกิจกรรมส่งเสริมทักษะการรู้หนังสือ จำนวน 32 สัปดาห์ ตามหน่วยการเรียนรู้ที่สอดคล้องตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2560 นำร่องที่ รร.ฤทธิยะวรรณาลัย (ประถมศึกษา) เขตสายไหม ด้านนักวิชาการ, ครูและผู้ปกครอง เผยช่วยให้เด็กมีนิสัยรักการอ่านและเรียนรู้, เกิดทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเป็นรูปธรรม สร้างความอบอุ่นให้ครอบครัว เกิดความสมดุลส่งเสริมพัฒนาการแบบองค์รวม และการเรียนรู้ตามวัยอย่างมีความสุข พร้อมเตรียมขยายผลในอีก 3 โรงเรียนของ กทม. ภายในปี 2567
รศ.ดร.อรพรรณ บุตรกตัญญู อาจารย์ประจำสาขาปฐมวัยศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ และผู้ออกแบบหลักสูตรโครงการฯ กล่าวว่า "จากผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA ในปีล่าสุด พบว่าระดับคะแนนเฉลี่ยของเด็กไทยต่ำกว่าประเทศอื่น อีกทั้งผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน (Reading Test : RT) ในระดับชั้นประถม ศึกษายังคงน่ากังวล ดังนั้นการจัดทำโครงการ Let's Read and Play ที่นำนิทานจากทั่วทุกมุมโลกมาให้ครู, ผู้ปกครองอ่านและทำกิจกรรมส่งเสริมร่วมกับเด็ก จึงเป็นประโยชน์สำหรับการประเมินในข้างต้น เนื่องจากช่วยบ่มเพาะนิสัยรักการอ่าน กระตุ้นการรู้ภาษาและหนังสือ รวมถึงช่วยพัฒนาทักษะการฟังที่จะเชื่อมโยงไปสู่ทักษะการเขียน ซึ่งได้เน้นแนวคิดสมดุลภาษาทั้งการสอนภาษา ธรรมชาติ และการสะกดคำตามวัย บูรณาการกับ STEM และ STEAM Education โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน ช่วยให้ครูได้พัฒนาแผนการเรียนการสอน ขณะที่ทางผู้ปกครองได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกันภายในครอบครัว"
หลังจากการดำเนินงานสิ้นสุดลง ดร.วีรภัทร์ สุขศิริ อาจารย์สังกัดสำนักทดสอบทางการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประเมินผลความสำเร็จของโครงการ พบว่านักเรียนระดับชั้นอนุบาลที่เข้าร่วมโครงการมีผลลัพธ์การเรียนรู้ที่โดดเด่นด้านทักษะการอ่าน เด็กรู้จักตัวอักษร เสียงของตัว อักษร คำที่เกี่ยวข้องกับตัวอักษรและเสียงเหล่านั้น ทั้งยังมีทักษะการฟังจับใจความ ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ รู้จักตัวเลขและนับเลขได้ นับว่าผลลัพธ์การเรียนรู้เหล่านี้เป็นการส่งเสริมอย่างเป็นระบบที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นการสร้างสมดุลในการเรียนรู้ทั้งทางสติปัญญาและอารมณ์ นั่นคือความสุขที่เกิดจากการอ่านนิทาน
ด้าน นางรัชดา นาคพุ่ม ครูระดับชั้นอนุบาล โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย (ประถมศึกษา) เผยว่า "เด็กในชั้นเรียนมีพัฒนาการอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นมาก มีนิสัยรักการอ่านและมีสมาธิตั้งใจฟังนิทานซึ่งมีความหลาก หลายด้านเนื้อหา เด็กจะอ่านได้ด้วยตนเองในเรื่องขนาดสั้น ส่วนเรื่องยาวครูจะเป็นผู้เล่าให้ฟัง นอก จากนั้นยังมีกิจกรรมทำร่วมกันที่บ้าน โดยครูจะส่งใบงานไปให้ผู้ปกครองทำกิจกรรมกับบุตรหลาน และร่วมประเมินผลกลับมาให้ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ช่วยสร้างนิสัยรักการอ่าน เพิ่มทักษะการใช้คำ การนับเลข สร้างเสริมประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ เหมาะสมกับการกระตุ้นพัฒนาการของเด็กปฐมวัย"
มาที่ ผู้ปกครองของ ด.ญ.ภัทร์นรินทร์ จิวาลักษณ์ (น้องเฟวา) ชั้นอนุบาล 1/1 แสดงความคิดเห็นว่าโครงการนี้ทำให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ ได้ทำกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครองที่บ้าน เช่น วาดรูประบายสี งานประดิษฐ์ การอ่านนิทานและการเขียนตัวอักษร ด้าน นางพัชรินทร์ สิริมนต์วัฒนะ ผู้ปกครองของน้องทรัพย์สิน ชั้นอนุบาล 2/4 เผยว่าลูกชายมีพัฒนาการดีขึ้น จากการอ่านนิทานด้วยกันก่อนนอน ทำให้รู้จักการวางแผน และสนใจอ่านหนังสือมากขึ้นจากภาพประกอบในนิทาน ขณะที่ จ.ส.อ.สมพงษ์ พุกสวัสดิ์ ผู้ปกครองของน้องโฮชิ ชั้นอนุบาล 2/2 เล่าว่าโครงการฯ มีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางไลน์กลุ่ม และคุณครูได้แจ้งเตือนให้ทำใบงานหลังเลิกเรียน ลูกชายได้รับประสบการณ์และความรู้ใหม่ เช่น การนับจำนวน ความรู้เรื่องเดือนและฤดูกาล รวมทั้งได้เรียนรู้เสียงของสัตว์ต่างๆ
ทั้งนี้ทางโครงการฯ ได้ตั้งเป้าขยายผลในอีก 3 โรงเรียน ในเขตกรุงเทพมหานคร ภายในปี 2567 เพื่อพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป โดยผู้ที่สนใจสามารถทดลองอ่านนิทานของโครงการที่มีมากกว่า 10,000 เรื่อง ใน 59 ภาษา ได้ทางห้องสมุดนิทานดิจิทัล โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้วยการดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Let's Read บน Google Play ในระบบแอนดรอยด์ และบน App Store ในระบบ IOS หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่โทรศัพท์ 062-7341267
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit