"ตลาดแว่นตาในประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่ง วิชั่น เวนเจอร์ส (Vision Ventures) มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมดังกล่าวกว่า 70 ปี ดำเนินธุรกิจทั้งค้าปลีกและค้าส่งแว่นตา และมีความพร้อมในการปรับตัวขององค์กรให้สอดรับกับความต้องการของตลาดอย่างเท่าทันและครอบคลุม" คุณปิยะพงษ์ ธัญญศรีสังข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิชั่น เวนเจอร์ส จำกัด เผยถึงภาพรวมของตลาดแว่นตา และก้าวสำคัญของ วิชั่น เวนเจอร์ส
คุณปิยะพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ด้วยประสบการณ์ในการค้าปลีกและค้าส่งแว่นตาในประเทศไทยกว่า 7 ทศวรรษ ทั้งการนำเข้าแว่นตา และเลนส์สายตาเป็นครั้งแรกในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ร้านนำศิลปไทย รวมถึงจัดตั้งโรงงานผลิตเลนส์สายตาโรงงานแรกในประเทศไทย ตลอดจนการดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกแว่นตาแบบเชนสโตร์ภายในแบรนด์หอแว่น ด้วยความสำคัญดังกล่าวผนวกกับการมองเห็นโอกาสในอุตสาหกรรมแว่นตาในประเทศไทยในอนาคตจึงได้จัดตั้ง บริษัท วิชั่น เวนเจอร์ส ในปี 2564 ที่ผ่านมา โดยดำเนินการในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้งและบริหารธุรกิจทั้งกลุ่มด้วยทีมเดียว ซึ่งมีหมุดหมายที่สำคัญใน "การมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งแว่นตาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการส่งมอบคุณค่าที่มากกว่าผลิตภัณฑ์และบริการ"
สำหรับ "Vision Ventures" เรามีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะตัวในห่วงโซ่ธุรกิจ โดยในปี 2024 ได้กำหนดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อทำให้เราสามารถตอบสนองลูกค้าได้ดีที่สุดโดยมีรายละเอียดดังนี้
โดยการขับเคลื่อนดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการปรับโฉมองค์กรใหม่ให้เกิดความคล่องตัว ยืดหยุ่นและพร้อมรับต่อทุกการเปลี่ยนแปลงท่ามกลางความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนอย่างฉับไว บนกรอบพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่ง พัฒนาและให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม
คุณปิยะพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันสำหรับ ธุรกิจค้าส่ง ได้ปรับกลุ่มสินค้าให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่ม ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการคู่ค้าผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างความสัมพันธ์อันดีเพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่ดีในวงกว้าง สำหรับ ธุรกิจค้าปลีก บริษัทมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าด้วยความแตกต่างให้กับลูกค้าใน 5 กลุ่ม ดังนี้ 1.Better Vision Prestige ร้านแว่นตาระดับพรีเมี่ยมที่ให้บริการวัดสายตาระดับ world-class และ fashion stylist 2.หอแว่น Better Vision ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าชั้นนำ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพการตรวจวัดสายตาและสินค้าแบรนด์ชั้นนำ 3.หอแว่น Better Vision ตั้งอยู่ในห้างค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ต และสเปเชียลตี้สโตร์ขนาดใหญ่ 4.Glassiq ร้านแว่นตาสุดทันสมัยที่สามารถลองสินค้าแบบ Virtual และสินค้าจริง มุ่งเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ และ 5.Monde Eyewear ร้านแว่นตาของชุมชนที่เข้าถึงง่ายด้วยทำเลใกล้บ้านหรือที่ทำงาน เจาะกลุ่มตลาดลูกค้าที่เน้นความสะดวก
ปัจจุบันสาขาของธุรกิจค้าปลีกแว่นตาของบริษัทตั้งอยู่ในทำเลใจกลางย่านเศรษฐกิจ หรือ CBD (Central Business District) ซึ่งกระจายตัวอยู่ในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าอย่างครบครัน โดยบริษัทมีนโยบายพิจารณาการเปิดสาขาใหม่ตามคอนเซปต์และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์การค้า เช่น เมื่อเร็วๆนี้ เปิดตัวร้านสาขาใหม่อย่าง "Better Vision Prestige" ทำเลชั้น 4 Erawan Bangkok โดยถือเป็นร้านแว่นตาที่ให้ประสบการณ์ด้านสายตาครบวงจรเป็นสาขาแรกและเป็น Flagship Store ที่รวมคุณภาพ 3 ด้านไว้อย่างลงตัว ได้แก่ 1.เทคโนโลยีสำหรับการตรวจวัดสายตาและตรวจสุขภาพตาเบื้องต้นที่ทันสมัยที่สุด 2.ครบครันด้วยแบรนด์แว่นตาระดับ Luxury และ Limited Edition ด้วยบริการ fashion stylist และ 3.บริการแบบพรีเมี่ยมในการรองรับลูกค้า ซึ่งโมเดลดังกล่าวมุ่งเจาะตลาดกลุ่มพรีเมี่ยมและคาดว่าในปีนี้บริษัทสามารถเพิ่มประสบการณ์ด้านสายตาครบวงจรได้ในอีกมากกว่า 10 สาขา
สำหรับก้าวเดินต่อจากนี้ Vision Ventures ปัจจุบันบริษัทได้มีการทำธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปที่ประเทศเวียดนามด้วยปัจจัยที่สำคัญอย่างการแข่งขันที่ยังไม่สูงมาก ผนวกกับเชนร้านแว่นตาในเวียดนามยังมีจำนวนที่ไม่มาก โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการและวางแผนร้านแว่นตาในรูปแบบของ Vision Ventures ในเวียดนาม และคาดว่าจะเปิดดำเนินการในต้นปี 2568 ทั้งนี้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทได้เตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทด้านการเงิน ตลอดจนสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้า รวมถึงนำเสนอสินค้า บริการ และประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าในทุกกลุ่มอย่างครอบคลม โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ "เป็นผู้นำที่สำคัญในธุรกิจแว่นตาแบบครบวงจรทั้งค้าปลีกและค้าส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
กลุ่มอลิอันซ์ เปิดเผยบทวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกหลังนโยบายทรัมป์ ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เข้มข้นขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวาระที่สอง ประกาศใช้มาตรการภาษีแบบตอบโต้ (reciprocal tariffs) โดยตั้งเป้าเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงสุดถึง 130% ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1890 ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ต้นทุนการค้าระหว่างประเทศพุ่งสูงขึ้นทันที โดยเฉพาะในภาคยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิต และอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ สหรัฐฯ
JMART เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ 5.50% ต่อปี ยันแผ่นดินไหวและสงครามการค้าไม่กระทบ ย้ำความมั่นใจเติบโตต่อเนื่อง
—
JMART เสนอขายหุ้นกู้ 2 ปี 6 เดือน เคาะดอก...
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
—
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณกา...
Standard Chartered Bank lowers Thailand's 2025 growth forecast, anticipates policy rate cut in April meeting
—
Standard Chartered Bank has lowered Thailan...
finbiz by ttb แนะ 5 เทรนด์การจ้างงานยุคใหม่ที่ตรงใจทั้งองค์กรและพนักงาน
—
ในยุคที่ตลาดแรงงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความต้องการพนักงานที่มีพรสวรรค...
ผู้ถือหุ้นไฟเขียว AUCT จ่ายเงินปันผลปี 2567 รวม 368 ล้านบาท
—
ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ที่ผ...
SCAP สุดปลื้ม! ฟิทช์จัดอันดับเครดิต 'A-(tha)' สะท้อนฐานะการเงินมั่นคง เพิ่มศักยภาพเข้าถึงแหล่งเงินต้นทุนต่ำ ช่วยเสริมแกร่งกลุ่ม SAWAD
—
บริษัท ศรีสวัสดิ์ ...
KGI เตรียมออก 3 DR ใหม่ โอกาสลงทุนหุ้นเทคจีนยักษ์ใหญ่ เทรด 17 เม.ย.นี้
—
KGI ปล่อย DR 3 หลักทรัพย์ใหม่ อ้างอิงหุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่จากจีน ซึ่งมีศักยภาพการเติ...
ผอ.ใหญ่ ดีป้า แนะไทยเดินหน้าหาตลาดใหม่ เตรียมการรับมือมาตรการภาษีทรัมป์
—
ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า ชี้มาตรการภาษีทรัมป์เป็นการโยนหินถามทางเพื่อสังเกตท่าทีของ...