ด้วยเทคโนโลยีทางพันธุศาสตร์อย่างก้าวกระโดดทำให้การเจ็บป่วยด้วย "โรคทางพันธุกรรม" ในปัจจุบัน ไม่ได้กลายเป็นความโชคร้าย หรือเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดเพียงอย่างเดียว แต่อาจสามารถป้องกัน และหาแนวทางการรักษาได้ตรงกับสาเหตุของการเกิดโรค หากได้เข้ารับการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ทำนายการเกิดโรค และใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการรักษาเสียแต่เนิ่นๆ
รองศาสตราจารย์ ดร.อัจฉราพร สี่หิรัญวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวชศาสตร์ กล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการหลักสูตรการอบรมผู้ให้คำปรึกษาทางพันธุศาสตร์ (Genetic Counsellor) คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าโรคทางพันธุกรรมในปัจจุบันที่สามารถทำนายการเกิดโรค มีแนวทางป้องกัน และมีแนวทางการรักษาที่เป็นเฉพาะรายบุคคล
จากการเข้ารับการตรวจในระดับโมเลกุลเพื่อทราบความเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางโรค เช่น โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ ฯลฯ และโอกาสเกิดการแพ้ยาบางชนิด นอกจากนั้นยังสามารถใช้ในการวินิจฉัย การรักษา และฟื้นฟูสุขภาพแก่ผู้ป่วยที่มีโรคที่เกิดจากพันธุกรรม หรือโรคหายากบางโรคในเด็กและผู้ใหญ่ (rare disease) และโรคในกลุ่มไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
ซึ่ง "โรคมะเร็ง" เป็นหนึ่งในโรคในกลุ่มไม่ติดต่อเรื้อรังที่มีสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการกลายพันธุ์ของยีน โดยสามารถนำไปสู่ "โอกาสรอดชีวิต" ของผู้ที่ได้ทราบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรคดังกล่าวจากการตรวจทำนายทางพันธุกรรม และสามารถนำไปใช้ในการรักษาแบบมุ่งเป้าได้ตรงกับสาเหตุของการเจ็บป่วย
มหาวิทยาลัยมหิดล โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับ คณะพยาบาลศาสตร์ ได้ทำหน้าที่ "ปัญญาของแผ่นดิน" ตามปณิธานของมหาวิทยาลัยมหิดล จัดอบรม "ผู้ให้คำปรึกษาแนะนำทางพันธุศาสตร์" (Genetic Counsellor) ให้แก่แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และเทคนิคการแพทย์ รุ่นที่ 1 จำนวน 45 คน ภายใต้ทุนสนับสนุนจาก สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ซึ่งเพิ่งสำเร็จไปเมื่อเร็วๆ นี้จำนวน 34 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างการฝึกภาคปฏิบัติ และคาดว่าจะมีการเปิดการอบรมในปีถัดไป
รองศาสตราจารย์ ดร.อัจฉราพร สี่หิรัญวงศ์ กล่าวว่า "ผู้ให้คำปรึกษาแนะนำทางพันธุศาสตร์" (Genetic Counsellor) ในต่างประเทศมีมานานแล้ว โดยต้องใช้เวลาในการผลิตถึง 2 ปี ในขณะที่หลักสูตรร่วม ระหว่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการออกแบบให้มีทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ สามารถผลิตบุคลากรเพื่อภารกิจดังกล่าวได้ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือน
โดยได้เปิดโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์ผู้มีประสบการณ์เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชาชีพ ได้มีโอกาสเข้าอบรมในหลักสูตร เพื่อให้จบหลักสูตรพร้อมปฏิบัติหน้าที่โดยเร่งด่วน โดยที่ผ่านมาได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ในส่วนของวิชาชีพพยาบาลมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการทำหน้าที่ "ผู้ให้คำปรึกษาแนะนำทางพันธุศาสตร์" (Genetic Counsellor) เนื่องจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชน และผู้มาใช้บริการสุขภาพกลุ่มเสี่ยงด้วยโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคมะเร็ง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งยังเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงในปัจจุบัน จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างยิ่งทางด้านจิตใจ และสังคม
โดยผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว สามารถเข้ารับบริการได้จาก "ผู้ให้คำปรึกษาแนะนำทางพันธุศาสตร์" (Genetic Counsellor) เพื่อได้รับข้อมูลในการตัดสินใจวางแผนป้องกันปัญหาสุขภาพตนเองและครอบครัว รวมทั้งแนวทางการรักษาที่เฉพาะบุคคล (precision medicine)
นอกจากการตรวจและทำนายโรคมะเร็งในระดับโมเลกุลแล้ว การตรวจโครโมโซมขณะตั้งครรภ์ อาจได้ผลตรวจที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลตรวจที่แสดงความเสี่ยงต่อการคลอดบุตรที่มีภาวะผิดปกติ "ดาวน์ซินโดรม" ซึ่ง "ผู้ให้คำปรึกษาแนะนำทางพันธุศาสตร์" (Genetic Counsellor) ที่มาจากพยาบาลวิชาชีพมีบทบาทสำคัญยิ่งในการดูแลจิตใจและสังคม และให้ข้อมูลทางสุขภาพ เพื่อการตัดสินใจทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้เข้ารับการตรวจและครอบครัว
"การอบรม "ผู้ให้คำแนะนำปรึกษาทางพันธุศาสตร์" (Genetic Counsellor) ซึ่งจัดโดย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับ คณะพยาบาลศาสตร์ จะเป็นก้าวสำคัญของการให้บริการทางการแพทย์ ที่จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการใช้เทคโนโลยีเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิต"
"นอกจากนี้ เชื่อมั่นว่าบุคลากรทางสุขภาพทุกท่านจะสามารถเป็น "ผู้ให้คำปรึกษาแนะนำทางพันธุศาสตร์" (Genetic Counsellor) ที่ดีต่อไปได้ หากถึงพร้อมด้วยทักษะ 3 ประการ คือ ความสามารถในการสื่อสารข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นเรื่องยาก และซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่ายเข้าใจได้ การเข้าใจความรู้สึกของผู้รับบริการ ความสามารถในการใช้ทักษะทางจิตใจสังคมในการจัดการกับปัญหาทางอารมณ์และสังคมของผู้รับบริการ "โดยทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย" รองศาสตราจารย์ ดร.อัจฉราพร สี่หิรัญวงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจของมหาวิทยาลัยมหิดลได้จาก www.mahidol.ac.th
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าร่วมประชุมหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนอาเซียน (ASEAN Capital Market Forum: ACMF) ระดับเลขาธิการ ครั้งที่ 42 เพื่อหารือทิศทางเชิงนโยบายการดำเนินการในอนาคตภายใต้ ACMF Action Plan 2026 2030 นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนของตลาดทุนอาเซียน ณ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เข้าร่วมการประชุมหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนอาเซียน ระดับเลขาธิการ ครั้งที่ 42 เมื่อวันที่ 13
MGC-ASIA ดำเนินมาตรการเชิงรุก ตรวจสอบความปลอดภัย อาคารในเครือทั่วประเทศ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว
—
บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหา...
EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
—
นายบัณฑิต สะเพียรชั...
คปภ. ทำงานร่วมกับ กทม. ลงพื้นที่ประสานงานกรณีตึกถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว เร่งตรวจสอบสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยเพื่อดูแลผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
—
นายอดิศร พิ...
UMI ได้รับใบประกาศเกียรติคุณโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS) จาก โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก
—
บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหา...
เปิดแล้ว ! งานแสดงรถยนต์นานาชาติครั้งที่ 46 ที่กรุงเทพฯ
—
วันที่ 24 มีนาคม งานแสดงรถยนต์นานาชาติครั้งที่ 46 ที่กรุงเทพฯ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดย บริษ...
TEKA ร่วมนำเสนอข้อมูลในงาน Opp Day ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 10%
—
นายสุพล จงจินตรักษา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ ...