กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์โรคฝีดาษวานรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในกลุ่มชายรักชายและมีรายงาน
ผู้ติดเชื้อเอชไอวีติดฝีดาษวานรเสียชีวิตรายแรกในไทย ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เร่งรัดทุกพื้นที่สื่อสารไปยังกลุ่มเสี่ยง ถึงวิธีการป้องกันการแพร่เชื้อโดยการงดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า และไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้มีอาการสงสัยโรคฝีดาษวานรนายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัด
สงขลา กล่าวว่า ทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรใน 113 ประเทศ จำนวน 89,308 ราย เสียชีวิต 152 ราย (WHO ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2566) สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยแล้ว 217 ราย สัญชาติไทย 187 ราย ชาวต่างชาติ 30 ราย และเสียชีวิต 1 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2566) และในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง พบผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ปัจจัยเสี่ยงหลักคือการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ที่เป็นผู้ติดเชื้อฝีดาษวานร ซึ่งผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีผื่น/ตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือตามร่างกาย และมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด สัมผัสแนบชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้สงสัยฝีดาษวานร หรือผู้ป่วยฝีดาษวานร ให้สังเกตตนเองภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีอาการ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่น หรือ ตุ่มน้ำหรือ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก หรือ บริเวณรอบๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก ให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือโรงพยาบาลทันที โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงประกอบการวินิจฉัย
นายแพทย์เฉลิมพล ขอเน้นย้ำ โรคฝีดาษวานร สามารถป้องกันได้ โดยงดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำในการปฏิบัติตน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ "สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422"