ธนาคารกรุงเทพ ชี้ช่องคว้าโอกาสทอง ลงทุนอสังหาฯ ในญี่ปุ่นราคาถูกลง 30% หลังเงินเยนอ่อนค่าทุบสถิติในรอบครึ่งศตวรรษ ซ้ำดอกเบี้ยต่ำ พร้อมรับบท 'เพื่อนคู่คิด' พาธุรกิจ-นักลงทุนไทย บุกตลาดแดนซามูไร
ธนาคารกรุงเทพ ชี้โอกาสทองลงทุนญี่ปุ่น แนะซื้ออสังหาริมทรัพย์ จับตลาดท่องเที่ยว-บริการ หลังค่าเงินเยนอ่อนค่ากว่า 30% ทุบสถิติในรอบ 50 ปี พร้อมรุกปล่อยกู้สกุลเงินท้องถิ่น ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยติดลบ แถมปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เชื่อเทรนด์ตลาดสูงอายุ-วัยรุ่นมาแรง กางจุดแข็งประสบการณ์-ความเข้าใจตลาดเชิงลึก พร้อมเป็น "เพื่อนคู่คิด" พาธุรกิจไทยรุกตลาดแดนปลาดิบ
นายทวี พวงเกตุแก้ว เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President และผู้จัดการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพ สาขาประเทศญี่ปุ่น และผู้จัดการสาขาโตเกียว เปิดเผยว่า สถานการณ์ปัจจุบันค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างมากถึง 25-30% ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะมีโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างน้อยมาก ในรอบ 50 ปีอาจจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถือเป็นโอกาสทองสำหรับลูกค้าในกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) และผู้ประกอบการจากประเทศไทย ที่สนใจเข้ามาลงทุนซื้อสินทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นในราคาที่ต่ำลงมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม ซึ่งกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นอนุญาตให้ต่างชาติสามารถครอบครองอสังหาริมทรัพย์ได้ ทั้งการซื้อเพื่อลงทุนพัฒนาประกอบธุรกิจและการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง
"เราเชื่อว่าในระยะยาวรัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น ธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวและบริการ หรือ Hospitality sector จะเป็นอุตสาหกรรมสำคัญ ปัจจุบันเชนโรงแรมใหญ่ ๆ ระดับโลกต่างเข้ามาแย่งลงทุนซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ไว้ค่อนมากเพื่อขยายธุรกิจ และยังได้ประโยชน์จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงทำสถิติในระดับที่ 50 ปีจะมีซักครั้งหนึ่งอีกด้วย จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการชาวไทยเช่นกันที่จะเข้าไปลงทุนในญี่ปุ่น หรือจะซื้อสินทรัพย์เพื่อเป็นการอยู่อาศัยก็น่าสนใจเช่นกัน มีหลายคนที่ซื้อคอนโดฯ ในฮอกไกโดเพื่อไว้สำหรับมาพักช่วงเล่นสกี หนึ่งปีอาจจะมาซัก 1 เดือน จากนั้นจะมีธุรกิจ Asset Management มาช่วยบริหารให้ ปล่อยเช่าในลักษณะ Airbnb ได้ทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน สร้างรายได้ด้วยตัวเองได้เช่นกัน"
สำหรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคตของประเทศญี่ปุ่น นายทวี กล่าวว่า จะมี 2 ตลาดที่น่าสนใจมาก ๆ คือ ตลาดผู้สูงวัยเนื่องจากผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จะมีสัดส่วนมากถึง 30% ของจำนวนประชากร กลุ่มนี้มีเงินเพราะเก็บออมมาตลอดชีวิต เน้นบริการที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบาย เช่น เรื่องอาหารที่ไม่ทำกับข้าวเอง แต่สั่งให้ไปส่งตามบ้าน เน้นอาหารสุขภาพ เหมาะกับผู้สูงวัย หรือการพักผ่อนก็จะเลือกพักโรงแรมที่ให้บริการแบบ full service ส่วนอีกตลาดคือ ตลาดวัยรุ่น ซึ่งมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ กำลังซื้อยังไม่สูง กลุ่มนี้ไม่ทำกับข้าวเองเช่นกัน เพราะอยู่ห้องเล็กและกลิ่นไปรบกวนเพื่อนบ้าน จึงซื้อกลับบ้าน หรือเน้นร้านอาหารแบบอิซากายะที่เป็นร้านกินดื่มราคาประหยัด เน้นของราคาไม่แพง ไม่ต้องมีแบรนด์ก็ได้ ส่วนการพักผ่อน กลุ่มนี้ไม่ค่อยสนใจโรงแรมแบบ full service แต่จะเลือกพัก Airbnb มากกว่า
นายทวี กล่าวแนะนำอีกว่า การเข้าไปลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ธุรกิจหรือนักลงทุนอาจพิจารณาขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแทนการใช้เงินลงทุนของตนเองทั้งหมด เนื่องจากจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นที่ยังอยู่ในระดับต่ำมาก และสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยเงินฝากติดลบ ขณะเดียวกัน ควรพิจารณาการกู้ยืมที่เป็นสกุลเงินเยน เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ที่จะเข้ามาเป็นสกุลเงินเยนเช่นกัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นโอกาสทำตลาดที่สำคัญสำหรับธนาคารกรุงเทพ สาขาประเทศญี่ปุ่น เพราะถือเป็นธนาคารพาณิชย์ของไทยเพียงแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการทางการเงินแบบเต็มรูปแบบ และมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถาบันการเงินได้เช่นเดียวกับธนาคารท้องถิ่น จึงสามารถรับฝากและปล่อยกู้เป็นสกุลเงินท้องถิ่นได้ สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแน่นอน
"จุดแข็งของเราคือบริการแบบเข้าใจคนไทย ซึ่งเน้นรักษาความสัมพันธ์ ดูแลกันต่อเนื่องยาวนาน เข้าใจลูกค้าคนไทยด้วยกันอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกันเราก็อยู่ในตลาดญี่ปุ่นมา 68 ปี มีทั้งสาขาที่โตเกียว และโอซาก้า เรามั่นใจว่าเราเข้าใจตลาดและธุรกิจสไตล์ญี่ปุ่นไม่แพ้ใคร เรามีทีมงานทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นที่พร้อมประสานงานร่วมกัน เพื่อทำหน้าที่เป็น "เพื่อนคู่คิด" ที่พร้อมจะพาธุรกิจและนักลงทุนชาวไทยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นได้ด้วยความราบรื่น และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกันในระยะยาว" นายทวี กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit