ฟิทช์คงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิตที่ 'A-' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength Rating: IFS Rating) ของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL ที่ 'A-' และคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating หรือ IDR) ของ MTL ที่ 'BBB+' โดยอันดับเครดิตทั้งสองมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

พร้อมกันนี้ ฟิทช์ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating) ของ MTL ที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตของตราสารด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของบริษัทมูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ 'BBB'

การประกาศคงอันดับเครดิตของ MTL สะท้อนถึงโครงสร้างการดำเนินงานของบริษัทในธุรกิจประกันภัยที่ยังแข็งแรง (Favorable Company Profile) ระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และสภาพคล่องของบริษัทที่ดี โดยฟิทช์คาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้พอร์ทเงินลงทุนของบริษัทยังคงมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในระดับสูง

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
โครงสร้างการดำเนินงานที่แข็งแรง: ฟิทช์ประเมินโครงสร้างการดำเนินงานของ MTL อยู่ในระดับแข็งแรง จากโครงสร้างธุรกิจ (business profile) ที่แข็งแกร่งและการมีบรรษัทภิบาลที่ดี เมื่อเทียบกับบริษัทประกันชีวิตอื่นภายในประเทศไทย
การจัดอันดับของ MTL สะท้อนถึงเครือข่ายทางธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 11% ของจำนวนเบี้ยประกันรวมของตลาด และได้รับการสนับสนุนด้านการดำเนินงานและด้านเทคนิคจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBank; อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว: BBB/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) และ Ageas Insurance International N.V. (อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว: A+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) อีกทั้ง MTL ยังมีการกระจายตัวของโครงสร้างธุรกิจที่ดี ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ครอบคลุม และฐานลูกค้าภายในประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย

ระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง: MTL ยังคงรักษาระดับเงินกองทุนไว้ในระดับที่แข็งแกร่งซึ่งช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท ฟิทช์ประเมินระดับเงินกองทุนของบริษัทว่าอยู่ที่ระดับแข็งแกร่ง ('Strong') โดยใช้แบบจำลอง Prism Model ของฟิทช์ และข้อมูลทางการเงินของบริษัท ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ซึ่งรวมการนับตราสารด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นของเต็มจำนวน MTL มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฏหมายที่ 320% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ซึ่งยังคงสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 140% และบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินจะอยู่ในระดับ 16% ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยตามเกณฑ์ของฟิทช์ที่ระดับอันดับเครดิตเดียวกัน

สัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ยังคงสูง: บริษัทมีสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับ 250% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2565 (ณ สิ้น ปี 2564: 245%) จากส่วนของผู้ถือหุ้นที่ลดลง จากการขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของพอร์ทเงินลงทุน ซึ่งถูกลดทอนผลกระทบบางส่วนด้วยการปรับลดสัดส่วนลงทุนในตราทุนและเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ทั้งนี้อัตราส่วนดังกล่าว คำนวณจากการลงทุนในตราทุนและตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตสากลต่ำกว่าระดับลงทุน และการนับรวมการลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาล ที่อัตรา 15% ของเงินลงทุนตามเกณฑ์ของฟิทช์

รายได้ปานกลาง: MTL มีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยรายปีในช่วงปี 2563 - ไตรมาส 3 ปี 2565 เท่ากับ 8.9% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่รับได้สำหรับอันดับเครดิตของบริษัท ถึงแม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 จะมีระดับต่ำกว่า 6.5% ซึ่งเป็นผลจากผลประกอบการที่ปรับตัวอ่อนแอ่ลง เนื่องจากความท้าทายในการดำเนินงานของบางธุรกิจ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนเอ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีอัตรากำไรในธุรกิจใหม่ที่ดี และมีการเติบโตที่สูงในเบี้ยประกันออมทรัพย์ และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ระดับใกล้เคียงเดิม ซึ่งเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนผลประกอบการของบริษัท
ฟิทช์ คาดว่า รายได้จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับปกติ จากอุปสงค์ที่สูงขึ้นในผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ อัตรากำไรที่ผ่านมาของธุรกิจใหม่ที่อยู่ในระดับดี โอกาสทางธุรกิจในตลาดใหม่จากการร่วมมือกับKBank ที่เพิ่มขึ้น และโครงการประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น การนำเทคโนโลยีมาใช้ในช่องทางจัดจำหน่าย

ความแตกต่างระหว่างอายุสินทรัพย์และหนี้สินที่ต่ำ: MTL มีความแตกต่างระหว่างอายุสินทรัพย์และหนี้สิน (Duration Gap) ที่ต่ำและมีอายุใกล้เคียงกัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราดอกเบี้ย และฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล(IFS Rating)/อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating)

  • การปรับตัวลดลงของสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 280% และ การปรับตัวแย่ลงของระดับเงินกองทุนของบริษัทซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism Model ของฟิทช์ ลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 'แข็งแกร่ง' เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
  • การปรับตัวลดลงของความสามารถในการทำกำไรซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต่ำกว่า 6.5% และมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (value of new business) ที่ลดลง เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
  • การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงในด้านเงินลงทุนและสินทรัพย์ ซึ่งรวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกของอัตราส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
    ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน): อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (IFS Rating)
  • การปรับตัวเพิ่มขึ้นของระดับเงินกองทุนของ MTL ซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism Model ของฟิทช์ ให้อยู่ในระดับแข็งแกร่ง ('Strong') ได้อย่างต่อเนื่อง และ
  • บริษัทมีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นและมีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ (business diversification) ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมหลากหลายประเภทธุรกิจมากขึ้น ด้านการกระจายตัวเชิงภูมิศาสตร์ที่ดีขึ้น และช่องทางการขายมีความหลากหลาย

อัตราความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating)

  • อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ MTL ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศที่อยู่ในอันดับเครดิตที่สูงที่สุดแล้ว

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสาหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg


ข่าวบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต+เมืองไทยประกันชีวิตวันนี้

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง แมกซ์ โซลูชัน ส่ง "กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)" เติมความสุขและความอุ่นใจแก่สมาชิก Max Card

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง แมกซ์ โซลูชัน บริษัทในเครือพีทีจี ร่วมเติมเต็มความสุขและความอุ่นใจในเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 แก่สมาชิก Max Card ทั่วประเทศ ผ่าน "กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)" ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ เพียงสมาชิก Max Card เพียงใช้คะแนน 100 คะแนน แลกรับสิทธิ์ผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน Max Me นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ แมกซ์

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ... เมืองไทยสไมล์คลับ จัดกิจกรรม "Exclusive One Day Trip" ฟินมู เต็มอิ่ม กับ อ.คฑา ชินบัญชร — บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยเมืองไทยสไมล์คลับ ร่...

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริ... เมืองไทยประกันชีวิต จัดงาน "DM KICK OFF 2025" ผสานพลังตัวแทนฝ่ายขาย Direct Marketing ทั่วประเทศ — นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประ...