ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาได้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากมายในด้านความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง และการเร่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในขณะที่ "ความยั่งยืน" กลายมาเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญขององค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่ผสานอยู่ในกับการบริหารจัดการธุรกิจทุกด้าน ประเทศไทยก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เริ่มดำเนินการตามแผนการที่ชัดเจนเพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งในที่นี้ก็รวมไปถึงนโยบายของรัฐที่จะมุ่งสู่การเป็นประเทศที่มีค่าความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปีพ.ศ.2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีพ.ศ 2608 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จัดทำข้อกำหนดให้บริษัทและองค์กรต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน รวมไปถึงการเริ่มใช้คาร์บอนเครดิตเป็นครั้งแรกเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มากไปกว่านั้นยังมีกฎที่ระบุให้บริษัทจดทะเบียนทุกแห่งต้องเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนอีกด้วย
เอบีม คอนซัลติ้ง จำกัด หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำของโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และมีความชำนาญด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ตั้งเป้าหมายในปี 2566 เพื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งความยั่งยืนด้วยการสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งในเรื่องปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม พิจารณาถึงผลกระทบที่มีต่อสังคมโดยรวม และริเริ่มแนวทางการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม
"บริษัทที่ปรึกษาที่ยังดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิมจะสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันในฐานะผู้เชี่ยวชาญในตลาดของตนเองไป" นายทัตสึยะ คาโมอิ ประธานและซีอีโอของ เอบีม คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าว และยังระบุว่า เอบีม คอนซัลติ้ง ไม่เพียงให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดิจิทัลและความรู้ความชำนาญในบริษัทเท่านั้น แต่บริษัทยังคำนึงถึงการลงทุนในทรัพยากรบุคคลที่จะช่วยสร้างการแข่งขันในระดับที่สูงขึ้น สำนักงานทุกที่ของ เอบีม คอนซัลติ้ง ถูกออกแบบให้เอื้อต่อการเกิดการสนทนาแบบตัวต่อตัว การเคลื่อนไหวที่คล่องตัว และการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดที่ก่อให้เกิดพัฒนาการและความก้าวหน้า
"พนักงานคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของบริษัทที่ปรึกษาทุกแห่ง" นายทัตสึยะ คาโมอิ กล่าว "เรามีพนักงานทั้งในญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ ราว 6,800 คน ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องในการตั้งเป้าหมายการพัฒนาด้านความยั่งยืนของเราเอง เพื่อส่งมอบคำแนะนำและผลลัพธ์ที่มีคุณค่าแก่ลูกค้าของเรา เราเชื่อว่าเป้าหมายเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงค่านิยม ขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ และเอกลักษณ์องค์กรของเรา"
โดยเป้าหมายด้านความยั่งยืนของ เอบีม คอนซัลติ้งนั้นคือการดำเนินการที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goal: UNSDGs) ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 17 ข้อ โดยแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนดังกล่าวที่เอบีม คอนซัลติ้ง ได้นำมาปรับใช้ วางแผน และดำเนินกิจกรรมให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวได้แก่ เป้าหมายที่ 8 ที่แสดงถึงการบริหารจัดการธุรกิจที่ดีและความเติบโตด้านเศรษฐกิจ โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะเติบโตได้ดีถ้าพนักงานมีความสุขและสนุกกับงานที่ทำ ถัดมาคือเป้าหมายที่ 9 เป็นเรื่องของการส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรม นวัตกรรม และสาธารณูปโภค ที่การนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมจะช่วยสร้างเสริมความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและบริษัท และสุดท้ายคือ เป้าหมายที่17 ที่เป็นเรื่องของการทำงานร่วมกัน เสริมความเข็มแข็งให้แก่กลไกการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยแง่มุมนี้ ซีอีโอของ เอบีม คอนซัลติ้ง กล่าวว่าบริษัทที่ปรึกษาจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภายนอกเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายและสร้างเสริมคุณค่าของบริษัท
อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ เอบีม คอนซัลติ้ง บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนคือการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์กรไม่แสวงหากำไร (เอ็นจีโอ) และองค์กรนอกสังกัดรัฐ "นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา เราได้ให้ความสนับสนุน WaterAid Japan ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่จัดหาน้ำสะอาด ห้องน้ำ และการสุขาภิบาลให้แก่ผู้คนทั่วโลก ในการร่วมมือกับบริษัทด้านไอที บริษัทที่สนับสนุนการจ้างงานสตรี และบริษัทอื่น ๆ เรายังมีส่วนร่วมในการผลักดันและส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล ควบคู่ไปกับการจัดโปรแกรมฝึกหัดเพื่อความคืบหน้าต่อยอดในด้านนี้ขึ้นไปอีก" นายทัตสึยะ คาโมอิ อธิบาย
ในส่วนของ เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) ก็ได้มีการติดตามการใช้พลังงานมาตั้งแต่ปี 2564 เพื่อไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปีพ.ศ. 2573 มากไปกว่านั้นยังมีการริเริ่มโครงการฝึกอบรม Graduate Analyst Program (GAP) ที่จัดต่อเนื่องมาแล้ว 11 ปีเพื่อมอบความรู้ความชำนาญของบริษัทให้นักวิเคราะห์รุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ทั้งยังเป็นการสร้างเสริมอุดมคติและแนวคิดด้านการทำงานที่ดีตามวัฒนธรรมองค์กรที่มีเอกลักษณ์ของเอบีม คอนซัลติ้ง เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพให้แก่ตลาดแรงงานของโลกและสร้างโลกที่มีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ในฐานะบริษัทที่มีความรู้ความชำนาญที่โดดเด่นในด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน รวมไปถึงจรรยาบรรณในการทำงานที่แข็งแกร่งและมีรากฐานมาจากความยั่งยืน เอบีม คอนซัลติ้ง ยังมอบโซลูชันแพลตฟอร์มด้าน ESG ที่ช่วยเก็บ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลด้าน ESG ที่กระจัดกระจายอยู่ทั้งภายนอกและภายในบริษัทด้วยเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทลูกค้า
"ในปัจจุบันมีบริษัทมากมายที่กำลังผลักดันกิจกรรมอีเอสจีในองค์กรของตน แต่ส่วนใหญ่แล้วยังไปไม่ถึงขั้นที่จะสามารถนำผลลัพธ์ไปใช้ในการบริหารจัดการโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายอิชิโร ฮาระ กรรมการผู้จัดการและผู้นำประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) กล่าว "ในฐานะบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Digital ESG เอบีม คอนซัลติ้ง ทำมากกว่าแค่ระบุความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรม ESG และคุณค่าขององค์กรในเชิงวิทยาศาสตร์ แต่ยังช่วยให้กิจกรรม ESG เหล่านั้นหยั่งรากลงในกระบวนการบริหารจัดการของบริษัท และเรายังตั้งใจที่จะมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าองค์กรจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ในกรณีนี้ ผมไม่อยากให้เราลืมความสำคัญของการยึดถือหลักการของบริษัทที่มีความสำคัญต่อลูกค้าอย่างมาก ขณะที่เรานำเสนอแผนการที่เหมาะสมกับแนวทางของบริษัทที่ล้ำหน้าอยู่ก้าวหนึ่งเสมอ"
"ที่ เอบีม คอนซัลติ้ง เรานำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาด้าน ESG ให้กับบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจมากมายจากมุมมองของทั้งผู้บริหารและพนักงาน ตั้งแต่การกำหนดกลยุทธ์ไปถึงการนำไปใช้และการวัดผล เราสร้างโมเดลการบริหารจัดการที่ใช้ข้อมูล ESG เพื่อปรับปรุงการตอบรับจากนักลงทุนสัมพันธ์และผลการทำธุรกิจ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเคพีไอของกิจกรรม ESG และคุณค่าขององค์กร ตลอดจนให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพเพื่อเชื่อมโยงมาตรการด้าน ESG เข้ากับกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการของบริษัท"
เอบีม คอนซัลติ้ง มุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นในฐานะผู้ผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สนับสนุนการทรานส์ฟอร์เมชั่นภายในองค์กรโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวนำ และเร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญด้วยการให้ความช่วยเหลือด้าน ESG แก่บริษัทต่าง ๆ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit