ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงผลการดำเนินงานปี 2565 และนโยบายปี 2566 ว่า ผลจากนโยบายและการดำเนินงานภายใต้บทบาท "ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย" และบทบาทใหม่ของ EXIM BANK ที่ "กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย" มีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินและไม่ใช่การเงินอย่างครบวงจร เพื่อเสริมศักยภาพในการขยายการค้าและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ทำให้การดำเนินงานของ EXIM BANK ในปี 2565 เติบโตระดับสองหลัก (Double Digit Growth) ในมิติต่าง ๆ ดังนี้
จากความมุ่งมั่นในการดำเนินงานขยายธุรกิจ ส่งผลให้ EXIM BANK มีกำไรจากการดำเนินงาน 2,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.51% ถือเป็นการเติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปี และมีกำไรสุทธิ 1,504 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่มากกว่า 1,500 ล้านบาทต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้จะมีการช่วยเหลือลูกค้าด้วยการตรึงดอกเบี้ย Prime Rate มานานกว่า 6 เดือน ต่อเนื่องถึงสิ้นเดือนมกราคม 2566 ก็ตาม
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า สำหรับปี 2566 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลงชัดเจน ธนาคารโลกและ The Economist Intelligence Unit (EIU) หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 2% ต่ำสุดในรอบ 30 ปี เป็นผลจากปัญหาเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงและดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้สูงสุดเพียง 2% หรือชะลอกว่า 2 เท่าจากปีก่อนหน้า อันเนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป ราคาสินค้าส่งออกเริ่มลดลง และเงินบาทผันผวนสูง ท่ามกลางปัจจัยท้าทายและความไม่แน่นอนในหลากหลายมิติ โอกาสจึงเป็นของผู้ที่กล้าเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีศักยภาพและเหมาะกับสินค้าและบริการของธุรกิจ โดย EXIM BANK ในฐานะธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank) พร้อมทำหน้าที่ Miracle Maker พัฒนาธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในเวทีโลก ด้วยการส่งเสริมการบุกตลาดการค้าการลงทุนที่มีศักยภาพและยกระดับสินค้าและบริการของไทยให้ได้มาตรฐานสากล โดยชูนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยทุกระดับมีความกล้าและความพร้อมที่จะเข้าสู่ Supply Chain การส่งออก การพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ ที่มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
ในการขับเคลื่อน BCG Economy EXIM BANK ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญอันดับแรกกับการดูแลเอาใจใส่พนักงาน จัดให้มีสวัสดิการยืดหยุ่นรองรับความต้องการของแต่ละบุคคล เพิ่มพูนความรู้โดยเฉพาะ Future Skills อันดับต่อมาคือ การดูแลบ้าน EXIM BANK ให้ดำเนินธุรกิจที่เสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจ BCG อย่างต่อเนื่องและครบวงจร คู่ขนานกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในมิติของการดูแลคนตัวเล็กในชุมชน โดยเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน ให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีความรู้ทางการเงินสำหรับเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจที่เชื่อมโยงกับ Supply Chain การส่งออกไปเวทีโลก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน
"EXIM BANK กล้าคิดและกล้าทำเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ สามารถบุกตลาดใหม่ ๆ และนำเสนอสินค้าและบริการของไทยที่ตอบโจทย์เทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ สร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็มีแพลนบีรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของโลก Next Normal โดย EXIM BANK จะสานพลังกับพันธมิตรทุกภาคส่วนเดินหน้าสร้างระบบนิเวศสีเขียว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG และการพัฒนาอย่างยั่งยืน" ดร.รักษ์กล่าว
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit