ข้อมูลงานวิจัยจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เปิดเผยว่า ในปี ประเทศไทย565 ที่ผ่านมา มีการซื้อขายโรงแรมที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับการลงทุนเกิดขึ้นในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น โรงแรมคุณภาพ4 รายการ ด้วยมูลค่ารวม โรงแรมคุณภาพโรงแรมคุณภาพ,อสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ ล้านบาท ลดลงจากปี ประเทศไทย564 ที่มีมูลค่าการซื้อขายรวม โรงแรมคุณภาพประเทศไทย,ที่ผ่านมาอสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ ล้านบาท เนื่องจากมีการซื้อขายบางรายการที่ดำเนินธุรกรรมเสร็จไม่ทันก่อนสิ้นปี ส่วนในปี ประเทศไทย566 นี้ เจแอลแอลคาดว่า การลงทุนซื้อขายจะมีมูลค่าปรับเพิ่มขึ้นเป็น โรงแรมคุณภาพประเทศไทย,อสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ ล้านบาท จากการที่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจต่อเนื่องในขณะที่มีโรงแรมคุณภาพเหมาะสมเสนอขายในตลาด
นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการภาคพื้นเอเชีย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า "ในปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยเกือบทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์โควิด แต่เนื่องจากมีการซื้อขายบางรายการที่ดำเนินธุรกรรมเสร็จไม่ทันก่อนสิ้นปีถึงแม้จะทำสัญญาซื้อขายแล้ว โดยรายการซื้อขายเหล่านี้ มีมูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท และจะดำเนินธุรกรรมเสร็จในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้"
"แม้ปี 2565 มูลค่าการลงทุนซื้อขายโรงแรมจะปรับลดลง 10.6% จากปี 2564 แต่ยังคงนับได้ว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่มีมูลค่าการซื้อขายสูง เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่ภาคการท่องเที่ยวของไทยเริ่มได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤติการณ์โควิด โดยในปีนั้นมีการซื้อขายโรงแรมรวมมูลค่าเพียง 1,900 ล้านบาท" นายจักรกริชกล่าว
รายงานของเจแอลแอลระบุว่า โรงแรมที่มีการซื้อขายในปี 2565 เป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน กระบี่ หัวหิน และเชียงใหม่ โดยกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเกาะสมุยยังคงเป็นทำเลยังคงเป็นทำเลยอดนิยมของนักลงทุน มีมูลค่ารวมกันคิดเป็นเกือบ 70% ของมูลค่าการซื้อขายที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา
กรุงเทพฯ เป็นตลาดการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงสุด คิดเป็นเกือบ 40% ของมูลค่าทั้งหมด โดยมีการซื้อขายสองรายการสำคัญ ได้แก่ Oakwood Studios Sukhumvit Bangkok ขายให้กับ Worldwide Hotels Pte Ltd (WWH) จากสิงคโปร์ และ Grand Mercure Bangkok Windsor ขายให้กับ แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย โดยเจแอลแอลเป็นตัวแทนผู้ขายสำหรับทั้งสองรายการนี้
นายจักรกริชกล่าวว่า "สำหรับโรงแรมที่มีการซื้อขายในปี 2565 ผู้ขายทั้งหมดเป็นบริษัทหรือธุรกิจครอบครัวชาวไทย ใกล้เคียงกับในฝั่งของผู้ซื้อ ที่พบว่า 80% เป็นการซื้อโดยนักลงทุนไทย ซึ่งต่างจากปี 2564 ที่ราว 60% ของมูลค่าการซื้อขาย เป็นการซื้อโดยนักลงทุนต่างชาติ"
เจแอลแอลระบุว่า AWC เป็นบริษัทที่ซื้อโรงแรมมากที่สุดในปีที่ผ่าน ทั้งนี้ นอกเหนือจาก Grand Mercure Bangkok Windsor แล้ว บริษัทยังได้เข้าซื้อ Westin Siray Bay ที่ภูเก็ต มูลค่าราว 2,500 ล้านบาท และ dusitD2 Chiang Mai ซึ่งได้ทำการตกลงซื้อขายในปี 2564 แต่ธุรกรรมการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565
"คาดว่า ปี 2566 จะเป็นอีกปีหนึ่งที่คึกคักสำหรับตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมของไทย จากการที่นักลงทุนมีการแสดงความสนใจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการมีรายการเจรจาซื้อขายหลายรายการเกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้เชื่อได้ว่า มูลค่าการลงทุนซื้อขายในปีนี้จะขยับขึ้นไปถึงที่ระดับ 12,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยรายปีของมูลค่าการซื้อขายในช่วง 10 ปีระหว่างปี 2553-2562 ก่อนเกิดวิกฤติการณ์โควิด" นายจักรกริชกล่าว
สอดคล้องกับความเห็นของนายจักรกริช นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริการที่ปรึกษาและบริหารสินทรัพย์ หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า "มีปัจจัยต่างๆ ที่จะเอื้อให้มีการซื้อขายโรงแรมมากขึ้นในปีนี้ ได้แก่ การที่เจ้าของโรงแรมหลายรายได้พยายามรักษาโรงแรมของตนไว้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าของเหล่านี้บางรายกำลังพบกับความท้าทายมากขึ้น จากการที่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ เริ่มลดนโยบายการประนอมหนี้ ประกอบกับภาวะที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากจีนกลับมาเปิดประเทศ ทำให้เจ้าของโรงแรมเหล่านี้ มีความมั่นใจมากขึ้นว่า ตนเองเริ่มอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการเจรจาการขายกับนักลงทุนที่สนใจจะซื้อ"
"ในด้านนักลงทุน เราพบว่า ยังมีทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติที่ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องในการเข้าซื้อโรงแรมที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับการลงทุนในประเทศไทย โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ที่เจแอลแอลจัดทำขึ้น แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นตลาดโรงแรมที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเอเชียแปซิฟิก รองจากญี่ปุ่น และออสเตรเลีย+นิวซีแลนด์" นายรัฐวัฒน์กล่าว
เกี่ยวกับ JLL
JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกธุรกิจบริการและบริหารการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศ สำหรับในประเทศไทย JLL เริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2533 ปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยพนักงาน 1,600 คน
กลุ่มบริษัท บันยันกรุ๊ป คว้าถึง 13 รางวัลภายในงานและเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัลดีเด่นระดับสากล บันยันกรุ๊ปเรสซิเดนซ์ หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติด้านการตลาดเพื่อการพัฒนา (Best Development Marketing) จากงาน International Property Awards บันยันกรุ๊ปยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติอีก 12 รางวัลในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกจากงาน 'International Property Awards 2024/5' ซึ่งมากกว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นในภูมิภาค
สมาคม TRECA จัดสัมมนาฟรี "การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค" เพิ่มทักษะการหาทรัพย์เพื่อนำเสนอและปิดการขายอย่างมืออาชีพ
—
นางดรุณี รุ่งเรืองผล เลขาธิการ สมาคมช...
แสนสิริ ยิ่งใหญ่! สี่เดือนแรก รับ 18 รางวัล จากเวทีระดับประเทศและนานาชาติ ตอกย้ำ No.1 แบรนด์อสังหาฯ
—
ท็อปฟอร์มตั้งแต่ต้นปี! แสนสิริ การันตีความเป็นผู้นำใ...
เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ยกระดับคุณภาพบ้าน ผนึก CPAC เครือ เอสซีจี ขับเคลื่อนการอยู่อาศัยสู่ความยั่งยืน นำคอนกรีต คาร์บอนต่ำ ก้าวสู่งานก่อสร้างบ้าน สีเขียว
—
บริษัท เอ็น...
ออริจิ้น โกยยอดขาย Q1/68 กว่า 8,027 ล้านบาท หนุน Backlog 45,389 ล้านบาท Q2/68 จ่อโอนเพิ่มอีก 2 โครงการ
—
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กวาดยอดขายไตรมาส 1/2568 กว...
โปรแรงรับซัมเมอร์! GO Hotel จับมือ ททท.ระยอง ส่งแคมเปญ 'Go Local Eat Local' จองห้องพัก 4 สาขา ฟรีบุฟเฟต์ทุเรียน จองเลย!! วันนี้ถึง 15 พ.ค.นี้
—
มัดรวมโปร "...
คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ จับมือ PMCU ร่วมจัดหลักสูตรพัฒนาผู้จัดการสินทรัพย์และนักพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ พลิกโฉมพื้นที่สถานีรถไฟ
—
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาว...