มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับศูนย์วิจัยนวัตกรรมโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.), สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) และบริษัท อินล็อก จำกัด ศึกษาประสิทธิภาพของตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นนวัตกรรมใหม่ พร้อมต่อยอดนำ IoT และ Data analytics มาใช้ เพื่อมอนิเตอร์สภาพของผลิตผลได้แบบเรียลไทม์ และนำค่าของระบบทำความเย็นที่เหมาะสมกับผลิตผลของมูลนิธิฯ และวิจัยรูปแบบการขนส่งผักผลไม้จากดอยภาคเหนือตรงสู่ภาคใต้ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คงความสดใหม่และคุณค่าของผักผลไม้ตั้งแต่บนดอยจนถึงมือผู้บริโภคชาวใต้ ขณะเดียวกันก็ต้นทุนต่ำ ลดมลพิษทางอากาศ โดยร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ทดลองขนส่งทางรถไฟ สร้างระบบ Backhauling ขนส่งเที่ยวกลับ ลดต้นทุน สร้างพันธมิตรทางการค้า ทั้งนี้ หากโครงการวิจัยนี้สำเร็จจะทำให้มูลนิธิโครงการหลวงมีโอกาสขนส่งผักและผลไม้จากดอยตรงสู่ภาคใต้ได้เองเป็นครั้งแรก
ดร. อัญชัญ ชมพูพวง ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงาน มูลนิธิโครงการหลวง กล่าวว่า การขนส่งผักและผลไม้สดมีข้อจำกัดมาก ด้วยเป็นสินค้าที่เหี่ยวช้ำ เสียหายง่าย อายุการเก็บรักษาสั้น จึงต้องส่งถึงมือผู้บริโภคให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลนิธิโครงการหลวง มีรูปแบบการขนส่งจากดอยสู่ผู้บริโภค หลักๆ เป็นการขนส่งโดยรถยนต์ ซึ่งไปได้ไกลสุดคือจังหวัดราชบุรี ใช้ระยะเวลาขนส่งประมาณ 12 ชั่วโมง ขณะที่หากขนส่งพืชผลไปภาคใต้ต้องใช้การขนส่งโดยเครื่องบิน ซึ่งค่าใช้จ่ายสูง และยังส่งผลกระทบต่อผลพิษมากกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น
"โครงการวิจัยนี้ต่อยอดจากการศึกษาความสามารถในการเก็บรักษาผักและผลไม้สดของตู้เย็นนวัตกรรมใหม่ ที่มูลนิธิโครงการหลวงนำมาทดสอบ โดยนำผักที่ได้รับความนิยมสูง เช่น ผักกาดหอมห่อ, ผักกาดขาวปลี, กะหล่ำปลี, เบบี้ฮ่องเต้, คะน้าฮ่องกง และสตรอว์เบอร์รี่ มาทดสอบนำเก็บไว้ในตู้เย็นดังกล่าว ผลทดสอบพบว่า ผักและผลไม้มีความเสียหายทางกายภาพ (ใบหัก, ใบช้ำ) น้อยกว่า 24% ปริมาณผลผลิตเสียหาย น้อยกว่า 5% ที่สำคัญคือยืดอายุให้ผักผลไม้ คงความสดใหม่ได้นานกว่า 30% หรือเก็บไว้ได้นานกว่า 10 วัน มากกว่าตู้เย็นทั่วไปที่เก็บรักษาผักและผลไม้สดให้มีคุณภาพเท่ากันได้เพียง 2-3 วันเท่านั้น" ดร. อัญชัญ อธิบายเสริม
ผศ.ดร. กานดา บุญโสธรสถิตย์ หัวหน้าศูนย์วิจัยนวัตกรรมโลจิสติกส์ มจธ. กล่าวว่า ทีมวิจัยมาต่อยอดจากผลของการพัฒนาตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นประสิทธิภาพสูง เพื่อการขนส่งระยะไกล โดยนำเซนเซอร์และเทคโนโลยี IoT มาตรวจจับการสั่นสะเทือน ที่เกิดจากการขนส่งทางรถไฟ, ตรวจจับแก๊สเอทธิลีน ที่ผักและผลไม้ปล่อยออกมา, ตรวจจับอุณหภูมิและความชื้น เพื่อตั้งค่าที่เหมาะสมกับผักและผลไม้แต่ละประเภท, ประเมินคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงกำหนดรูปแบบการขนส่งที่เหมาะสม เพื่อให้ได้วิธีการขนส่งผักและผลไม้สดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ต้นทุนต่ำ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ส่งผักและผลไม้ที่มีคุณภาพดีสู่ผู้บริโภคภาคใต้ได้สำเร็จ
"โครงการวิจัยครั้งนี้ยังศึกษารูปแบบและวิธีการขนส่งที่เหมาะสมกับผลิตผลของโครงการหลวง และตอบโจทย์ด้านเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน โดยเลือกการขนส่งทางถนน ร่วมกับการขนส่งทางราง แทนการขนส่งทางถนนและทางอากาศอย่างเดียวที่ได้ความเร็ว แต่ราคาแพง และสร้างมลพิษสูง หรือแทนการขนส่งทางรางอย่างเดียว ที่ประหยัด สร้างมลพิษต่ำ แต่ช้า เมื่อนำตู้เย็นนวัตกรรมใหม่มาใช้ก็ช่วยปิดช่องว่างเรื่องระยะเวลานานส่งผลต่อคุณภาพของผลิตผลได้ แต่ทั้งนี้การขนส่งจะต้องคำนึงถึงต้นทุน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย การวิจัยจึงกำหนดสถานการณ์ในการขนส่งที่แตกต่างกัน เช่น ขนส่งด้วยเป้าหมายต้นทุนต่ำที่สุด, ขนส่งด้วยเป้าหมายลดมลพิษมากที่สุด, ขนส่งโดยใช้ระยะเวลาน้อยที่สุด และขนส่งโดยนำวิธีการต่างๆ มาผสมผสานกัน เพื่อค้นหาวิธีการขนส่งที่เหมาะสมและดีที่สุด" ผศ. ดร. กานดา อธิบาย
ด้าน บริษัท อินล็อก จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์และเทคโนโลยีดิจิทัล ผู้ร่วมโครงการวิจัย เสริมว่าปัญหาสำคัญในวันนี้ของการขนส่ง คือ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้จะเป็นการขนส่งโดยรถไฟก็ตาม หนึ่งในวิธีการขนส่งที่ทีมวิจัยเตรียมศึกษาคือการขนส่งแบบ Backhauling ขนส่งเที่ยวกลับ เป็นการแชร์ต้นทุนการขนส่งร่วมกันของพันธมิตร เช่น มูลนิธิโครงการหลวงขนส่งผักและผลไม้ลงไปภาคใต้ แทนที่ขากลับจะต้องตีรถเปล่ากลับมา สามารถให้พันธมิตรที่ภาคใต้ขนส่งสินค้าขึ้นมาขายที่ภาคเหนือได้ แต่ความยากของการทำ Backhauling คือ การหาพันธมิตรที่ต้องการนำสินค้าขึ้นมาขายที่ภาคเหนือ หรือ การสำรวจความต้องการของตลาดทั้ง 2 ภาค เพื่อให้มีความต้องการที่มากพอ จนสามารถขนส่งได้ครั้งละจำนวนมากๆ"
ดร. สันติ เจริญพรพัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. กล่าวว่า หากโครงการพัฒการการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิประสบความสำเร็จ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการขนส่งสินค้าทางรางอย่างมาก เพราะจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ เนื่องจากสามารถติดตามสถานะของสินค้าได้ตลอดเส้นทางการขนส่ง มีปัญหาสามารถรับรู้ได้ทันที และส่งทีมงานไปแก้ไขได้ทันเวลา ความน่าเชื่อถือเหล่านี้เมื่อรวมกับต้นทุนในการขนส่งสินค้าจำนวนมากๆ ที่ถูกกว่าการขนส่งทางถนนรูปแบบอื่น ก็จะทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้การขนส่งสินค้าทางรางมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทยที่ตั้งเป้าเพิ่มการใช้ขนส่งทางรางส่งสินค้าให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ 1.4% ของการขนส่งทั้งหมด ให้เป็น 7% ภายในปี 2570
ขณะที่ คุณเยาวลักษณ์ สุนทรนนท์ หัวหน้ากองมาตรฐานปฏิบัติงานและความปลอดภัยด้านสินค้า การรถไฟแห่งประเทศไทย เสริมว่า "ประเทศไทยเริ่มใช้ตู้ควบคุมอุณหภูมิเพื่อขนส่งทางรางเมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นรถไฟระหว่างประเทศไทย-ลาว-จีน ที่นำตู้ควบคุมอุณหภูมิที่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) มาใช้ขนส่งผลไม้ แต่ก็ยังจำกัดอยู่เพียงเส้นทางนี้เท่านั้น โครงการพัฒนาตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นประสิทธิภาพสูงนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขนส่งสินค้าทางการเกษตรด้วยรถไฟให้มากขึ้น และเพิ่มเส้นทางการขนส่งให้เยอะขึ้น รวมถึงปัจจุบันการลดมลพิษเป็นปัจจัยสำคัญ จึงเป็นอีกข้อได้เปรียบเนื่องจากการขนส่งทางรางปล่อยมลพิษน้อยกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น จึงเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการหันมาสนใจและใช้บริการขนส่งทางรถไฟมากขึ้น"
นอกจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่เข้ามาร่วมมือสนับสนุนทดสอบการขนส่งทางรางแล้ว ยังมี บริษัท เก้าเจริญ เทรน ทรานสปอร์ต จำกัด ที่สนับสนุนการขนส่งทางถนนและการถ่ายลำ, บริษัท เอนเนอร์ยี่ ไพร์ม จำกัด รวมไปถึงหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมวิจัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ, มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยศิลปากร และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
สอวช. ร่วมกับ มจธ. เปิดหลักสูตร STIP รุ่นที่ 7 มุ่งผลิตนักออกแบบนโยบายตอบโจทย์ประเทศ เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง หนุนสร้างเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดขึ้นได้จริง ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กล่าวว่า สอวช. ร่วมกับ สถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (STIPI) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดหลักสูตรการออกแบบนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รุ่นที่ 7 (STI Policy Design: STIP07)
'ถอดบทเรียน' พลิกวิกฤต สู่โอกาส เรียนรู้แผ่นดินไหว สู่การจัดการอย่างยั่งยืน กรมอนามัย-สบส.มหิดล-อุบลราชธานี
—
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย กรมสนับ...
ไดกิ้นเดินหน้าพัฒนา "ห้องเรียนปลอดฝุ่น" ต้นแบบศูนย์การเรียนรู้คุณภาพอากาศภายในอาคาร ระดับภาคเหนือ ยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาพของเด็กเล็ก
—
ไดกิ้นจับมื...
สวทช. จับมือ มจธ. เปิดรับสมัคร SMEs เพื่อยกระดับเทคโนโลยี พัฒนาโรงงาน และปรับปรุงการผลิตใน 4 จังหวัดภาคกลาง
—
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ...
65 ปี มจธ. สู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการเรียนรู้ (Lifelong Learning University) ตลอดชีวิตเต็มรูปแบบ
—
ในวาระครบรอบ 65 ปี ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า...
TCI จัดยิ่งใหญ่ ประชุมวิชาการเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพวารสารวิชาการไทยครั้งที่ 15
—
TCI จัดยิ่งใหญ่ ประชุมวิชาการเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพวารสารวิชาการไทยครั้...
จีเอเบิล ร่วมผลักดันเยาวชนไทย คว้าชัยบนเวที PDPA Hackathon 2024
—
จีเอเบิล เดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจและผลักดันศักยภาพเยาวชนไทย สู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี...
ม.เกษตรศาสตร์ และ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คว้าแชมป์รับถ้วยรางวัลนายกรัฐมนตรี ในงาน PDPA Hackathon 2024 สคส. พร้อมต้อนรับร่วมองค์กรในอนาคต
—
มหาวิทยาลัย...
ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับนักเรียนห้องเรียนวิศว์-วิทย์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
—
ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับน้อง ๆ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที...
ทีมมิตรภาพแห่งม้าโพนี่ จาก มจธ. ดึงกลุ่มสตาร์แห่งวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เป็นเครือข่ายสื่อสารพลังงานไฟฟ้ารูปแบบใหม่
—
ทีมมิตรภาพแห่งม้าโพนี่ จากมหาวิทยาลั...