ราคาหุ้น PCC ยังมี Upside โบรกฯให้ราคาพื้นฐานสูงสุด 4.80 บ. คาดกำไรปี 65-66 เติบโตกว่า 39.2% หลังอัพกำลังการผลิต

โบรกฯ ประเมินราคาพื้นฐาน PCC อยู่ที่ระหว่าง 4.7หม้อแปลงไฟฟ้า-4.8หม้อแปลงไฟฟ้า บาท คาดผลกำไรปี 2565-2566 เติบโตด้วย CAGR กว่าร้อยละ 39.2 จากการเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า-ตัวถังหม้อแปลงไฟฟ้า (PMW) จากกำลังการผลิต 2,หม้อแปลงไฟฟ้าหม้อแปลงไฟฟ้าหม้อแปลงไฟฟ้า ถังต่อปี เป็น 7,5หม้อแปลงไฟฟ้าหม้อแปลงไฟฟ้า ถังต่อปี รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตตู้โลหะสำหรับตู้สวิตช์เกียร์ และตู้สวิตช์บอร์ด อุปกรณ์ควบคุม จากกำลังการผลิต 2,หม้อแปลงไฟฟ้าหม้อแปลงไฟฟ้าหม้อแปลงไฟฟ้า ตู้ต่อปีเป็น 3,2หม้อแปลงไฟฟ้าหม้อแปลงไฟฟ้า ตู้ต่อปีและโรงงานผลิตในกัมพูชาหนุน

ราคาหุ้น PCC ยังมี Upside โบรกฯให้ราคาพื้นฐานสูงสุด 4.80 บ. คาดกำไรปี 65-66 เติบโตกว่า 39.2% หลังอัพกำลังการผลิต

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ระบุถึงความน่าสนใจในการลงทุน PCC คือ 1. ธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าแบบครบวงจร ที่เติบโตพร้อมกับแผนการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศอิงตามแผน PDP 2018 2.และมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายไฟฟ้าแรงสูง พร้อมผลิตติดตั้งระบบควบคุมสำหรับระบบไฟฟ้าอัจฉริยะและผลิตมิเตอร์อัจฉริยะ (Intelligent Grid) โดยการเติบโตในปี 2565 - 2566 มาจากการที่ EGAT มีงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 23 โครงการ รวมถึง PEA, MEA มีแผนที่จะปรับปรุงระบบสายไฟฟ้าให้สามารถรองรับการจ่ายไฟฟ้าที่ซับซ้อน และการนำสายไฟฟ้าลงดิน 3. นอกจากนี้บริษัทมีโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาไบโอแมส และโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาไบโอเพาเวอร์ มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 40 และ 76 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายที่ 18.2 เมกะวัตต์ (11.5 เมกะวัตต์คิดตามอัตราส่วนการถือหุ้น)

โดยประเมินแนวโน้มผลประกอบการในปี 2565 - 2566 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 343 ล้านบาท และ 393 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิร้อยละ 69 และ 15 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า (PEM) ตลอดจนการเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตให้เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง เช่นเดียวกันกับการเพิ่มกำลังการผลิตของตัวถังหม้อแปลงไฟฟ้า (PMW) จากกำลังการผลิต 2,000 ถังต่อปี เป็น 7,500 ถังต่อปี รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตตู้โลหะสำหรับตู้สวิตช์เกียร์ และตู้สวิตช์บอร์ด อุปกรณ์ควบคุม จากกำลังการผลิต 2,000 ตู้ต่อปีเป็น 3,200 ตู้ต่อปีและมีแผนที่จะขยายโรงงานผลิตไปยังกัมพูชาซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในต้นปี 2566 รวมถึงการทำธุรกิจปลูกกัญชงในระบบปิดที่คาดว่าจะรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์ภายในปี 2565

ทั้งนี้ได้ใช้วิธีประเมินมูลค่าหุ้น ได้ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 4.8 บาท ซึ่งมาจากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PE Ratio เทียบกับบริษัทฯใกล้เคียงในตลาด โดยหุ้นที่เรานำมาเปรียบเทียบได้แก่ QTC ซึ่งประกอบธุรกิจขายหม้อแปลงไฟฟ้า AKR ซึ่งประกอบธุรกิจขายหม้อแปลงไฟฟ้าและบริการซ่อมบำรุงและรับออกแบบติดตั้งรวมทั้งก่อสร้างสถานีไฟฟ้า และ GUNKUL ซึ่งประกอบธุรกิจผลิต จัดหา และจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้า รับเหมาก่อสร้าง และให้บริการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า โดยใช้ค่า PE เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (21/08/2563 - 22/8/2565) เท่ากับ 15 เท่า ในขณะที่ประมาณการ EPS 2566F อยู่ที่ 0.32 บาท ได้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 4.8 บาท

บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ประมาณการว่า PCC จะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 25.4% CAGR ในปี FY21-24F เพิ่มขึ้นจากโครงการในอนาคตที่การไฟฟ้ามีแผนจะปรับโครงข่ายระบบไฟฟ้าทั่วประเทศ ทั้งนี้ ประเมินว่าบริษัทฯ มีโอกาสในการเติบโตอีกมาก เนื่องจาก บริษัทฯ เป็นเพียง 1 ใน 6 เจ้าที่ได้รับการรับรองจากการไฟฟ้าให้ผ่านการคัดกรองให้เข้าทำการประมูลงานส่วนใหญ่ได้

โดยใช้วิธีประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น PCC โดยใช้ P/E เฉลี่ยที่เป้าหมายในปี FY23 ของ GUNKUL QTC TRT DEMCO ACE และ SSP เนื่องจาก บริษัทฯ เหล่านี้มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกับบริษัทในเครือของ PCC โดย average ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ตลาดให้ Forward P/E ที่ 15.8 เท่า เราจึงคาดว่า P/E เป้าหมายที่เหมาะสมอยู่ที่ค่าเฉลี่ยที่ 15.8 เท่า จากสมมติฐานหลักในปี 2023 ภาครัฐกลับมาดำเนินกิจกรรมปกติ และแผนงานที่จะพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศ จะช่วยเพิ่มยอดขายให้บริษัทในปี 2023F ที่ 4,692 ล้านบาท เติบโต 2.7% และ EPS อยู่ที่ 0.30 บาท เมื่อคำนวณกับระดับ P/E เป้าหมายที่ 15.8 เท่า เราจะได้ราคาเป้าหมายในปี 2023 ของ PCC อยู่ที่ 4.76 บาท

ขณะที่บทวิเคราะห์บล.กสิกรไทย คาดว่ากำไรสุทธิ ในปี 2565-2567ของ PCC จะเติบโตขึ้น 38%,38% และ 10% ตามลำดับ หรือมี CAGR ที่ 28% โดยกำไรที่เติบโตแข็งแกร่งในปี 2565 จะมีแรงขับเคลื่อนหลักจากฐานที่ต่ำผลจากวิกฤติโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) และสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงจากการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้น จะช่วยผลักดันการเติบโตของกาไรในปี 2566-67 โดยคำนวณราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 4.70 บาท/หุ้น หรือสะท้อนเป้า market cap ที่ 5.8 พันลบ. ราคาเป้าหมายอิงจากการใช้ตัวคูณมูลค่าโดยอิงจากข้อมูลของกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งนี้ใช้เป้าหมาย PER ปี 2566 ที่ 15 เท่า ซึ่งสมเหตุสมผลหากพิจารณาจากมูลค่าหุ้นของคู่แข่งโดยตรงในปี 2566 และมูลค่าหุ้นของกลุ่มก่อสร้าง

ส่วนบทวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิปี 2022E-23E ที่ 305 ล้านบาท และ 385 ล้านบาท ตามลำดับ หรือเติบโต 38% CAGR 2021-23E โดยมี key driver หลักจากการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก (PEM, PSP) ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบงานได้มากขึ้นและประมูลงานเพิ่มเติมได้หลังจากผ่านช่วง COVID-19 ซึ่งทำให้ผลประกอบการสะดุดลง หนุนรายได้รวมในปี 2022E-23E ที่ 4.6 พันล้านบาท และ 4.8 พันล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 15% CAGR 2021-23E ในขณะที่GPM ในปี 2022E-23E ประเมินที่ 26% (-1ppt YoY) และ 27% (+1ppt YoY) ตามลำดับ ยังคงได้รับผลกระทบจากงานมาร์จิ้นต่ำ ในปี 2022E แต่จะทยอยฟื้นตัวโดยคาดการแข่งขันจะลดความรุนแรงลงจากปริมาณงานที่กลับเข้ามาในตลาดหลัง COVID-19 ผ่อนคลาย โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.70 บาท อิง PER 15x (Peers average +1SD ให้ premium PCC จากมาร์จิ้นที่ดีกว่า) ทั้งนี้ key catalyst คือ การประกาศแผน PDP ฉบับใหม่ของไทย ซึ่งจะทำให้โครงการที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าทั้งภาครัฐและเอกชนออกมามากขึ้นในอนาคต

และบทวิเคราะห์ บล.เอเอสแอล ประเมินรายได้รวมปี 2565F-2568F เท่ากับ 4.7 พันล้านบาท (+28.8%YoY), 5.1 พันล้านบาท (+9.0%YoY), 5.4 พันล้านบาท (+6.3%YoY) และ 5.8 พันล้านบาท (+7.6%YoY) ตามลำดับ ขยายตัวเฉลี่ยต่อปีแบบ CAGR ที่ 7.6% ขณะที่กำไรสุทธิเราคาดการณ์ 262 ล้านบาท (+29.2%YoY), 361 ล้านบาท (+37.9%YoY), 419 ล้านบาท (+16.2%YoY) และ 469 ล้านบาท (+11.8%YoY) ตามลำดับ ขยายตัวเฉลี่ย ต่อปีแบบ CAGR ที่ 21.4%

โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมสิ้นปี 2566 เท่ากับ 4.77 บาท/หุ้น ด้วยวิธี SOTP (Sum of the part) โดยได้มูลค่าของบริษัทที่ไม่รวมธุรกิจ PPP จะอยู่ที่ 3.92 บาท/หุ้น อิง PE ที่ 14.85 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ของกลุ่ม (QTC, AKR, GUNKUL และ AI) โดย Valuation ค่อนข้างน่าสนใจเนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิค่อนข้างแข็งแกร่ง และล่าสุด PCC ชนะการประมูล ระบบส่งไฟฟ้างานจัดหาและจ้างก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 kV ทุ่งสง - สงขลา 3 ของ EGAT มูลค่า 1.53 พันล้านบาท หนุนการเติบโตของผลประกอบการในปี 2566 ส่วนธุรกิจ PPP ได้มูลค่า 0.85 บาท/หุ้น จากโรงไฟฟ้าที่COD แล้ว 3 โครงการ ตามสัดส่วนที่ PCC ถือหุ้น

โบรกเกอร์ราคาเป้าหมาย
บล.ทรีนีตี้4.80
บล.เอเอสแอล4.77
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)4.76
บล.กสิกรไทย4.70
บล.ดาโอ (ประเทศไทย)4.70

ข่าวบริษัทหลักทรัพย์+หม้อแปลงไฟฟ้าวันนี้

บลจ.กสิกรไทย คว้า 5 รางวัลยอดเยี่ยม Best of the Best Awards 2025 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านกองทุนของไทย

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติถึง 5 รางวัล จากงาน Best of the Best Awards 2025 ได้แก่ รางวัล Best Asset Management Company (30 Years), Best Asset Management Firm for Digital Marketing, Best Alternatives Manager, Best ESG Manager และ Best Multi-Asset Manager ทั้งนี้ รางวัลที่ บลจ.กสิกรไทย ได้รับทั้ง 5 สาขา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ บลจ.กสิกรไทย ในการพัฒนาและนำเสนอบริการด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ รวมถึงการปรับตัว

บลจ.กรุงศรี เปิดตัวกองทุนใหม่ KF-EMXCN ฝ่... กรุงศรีเปิดตัวกองทุน KF-EMXCN โอกาสเติบโตไปพร้อมกับ Emerging Market — บลจ.กรุงศรี เปิดตัวกองทุนใหม่ KF-EMXCN ฝ่าความผันผวนจากสงครามการค้า ด้วยโอกาสลงทุนใน...

KGI ปล่อย DR 3 หลักทรัพย์ใหม่ อ้างอิงหุ้น... KGI เตรียมออก 3 DR ใหม่ โอกาสลงทุนหุ้นเทคจีนยักษ์ใหญ่ เทรด 17 เม.ย.นี้ — KGI ปล่อย DR 3 หลักทรัพย์ใหม่ อ้างอิงหุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่จากจีน ซึ่งมีศักยภาพการเติ...

พร้อมชูแนวคิด SBITO Smart Investor Lifest... SBITO โชว์เก๋า ครบรอบ 10 ปีดำเนินธุรกิจในไทย มั่นใจตลาดหุ้นไทยยังมีหุ้นดี — พร้อมชูแนวคิด SBITO Smart Investor Lifestyle เสริมศักยภาพนักลงทุน ด้วย SBITO I...

บลจ.ทิสโก้เปิดกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรร... บลจ.ทิสโก้เปิดกอง TGOV7M10 กองทุนรวมตราสารหนี้ อายุ 7 เดือน — บลจ.ทิสโก้เปิดกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรรัฐบาล 7 เดือน 10 (TGOV7M10) เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบ...

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานบริษัท การบินไ... บลจ.กสิกรไทย ตอกย้ำ Trusted Asset Manager การบินไทย ไว้วางใจให้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ — กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่ง...