'AAI' ปักหมุดผู้นำการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสู่ระดับสากล เตรียมรับโอกาสทางธุรกิจ หลังเทรนด์ Pet Humanization เติบโต เดินหน้าขยายกำลังการผลิต 1 เท่าตัว ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแกร่ง

01 Nov 2022

'บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล' หรือ AAI โชว์ฟอร์มเป็นหุ้นไทยตัวแรกที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง เดินหน้าแผนการลงทุนขยายกำลังการผลิต 1 เท่าตัว หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแกร่ง มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี พร้อมเดินหน้าปักหมุดสู่ผู้นำการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสู่ระดับสากล เตรียมรับโอกาสทางธุรกิจตามเทรนด์ Pet Humanization ที่เพิ่มสูงขึ้น รุกสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนของโลก

'AAI' ปักหมุดผู้นำการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสู่ระดับสากล เตรียมรับโอกาสทางธุรกิจ หลังเทรนด์ Pet Humanization เติบโต  เดินหน้าขยายกำลังการผลิต 1 เท่าตัว ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแกร่ง

นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายเป็นวันแรก (1 พฤศจิกายน 2565) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อ 'AAI' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ และพื้นฐานการดำเนินธุรกิจในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานชั้นนำของประเทศ ทั้งหมดนี้จะช่วยสนับสนุนให้ AAI เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ

บริษัทฯ มีเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสู่ระดับสากล โดยให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มาโดยตลอด เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่โดยตลอดได้เป็นอย่างดี ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และความพร้อมด้านบุคลากรของฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์จนได้รับการยอมรับจากลูกค้าที่เป็นเจ้าของแบรนด์ จนสามารถยกระดับสถานะจาก "ผู้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์" (Co-developer) เป็น "คู่ค้าเชิงกลยุทธ์" (Strategic Partner) ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทฯ ในระยะยาว

AAI พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความสามารถการแข่งขันในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและรักษาอัตรากำไรของบริษัทฯ ในระยะยาว โดยพัฒนาแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงของตนเองขึ้นหลากหลายแบรนด์ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุกตลาดย่อย (Market Segment) และมีผลิตภัณฑ์ครบทุกประเภท ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด และขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง พร้อมกันนี้ยังให้ความสำคัญในการทำการตลาดและทำการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ผลิตภัณฑ์ (Brand Awareness) และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ (Brand Image) ให้แก่ผู้บริโภคในวงกว้าง ควบคู่ไปกับการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายภายในประเทศ โดยเน้นขยายตลาดผ่านร้านค้าสัตว์เลี้ยงและโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันวางจำหน่ายแล้วมากกว่า 500 ร้านค้าทั่วประเทศ พร้อมมุ่งมั่นในการพัฒนาแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ สู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกอีกทางนึง

กรรมการผู้จัดการ AAI กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าทำรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 6,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่รายได้รวม 5,036 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตตามอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีดีมานด์ความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากกระแสความนิยมการเลี้ยงสัตว์เหมือนเป็นสมาชิกครอบครัว (Pet Humanization) ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงมักยอมจ่ายสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของตนเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ AAI มีแผนขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แบ่งออกเป็น 1) โครงการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกในประเทศไทย โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 40,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่า จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกสูงสุด 42,000 ตันต่อปี ซึ่งจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565-2568 โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการใช้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ประมาณ 600 - 700 ล้านบาท และส่วนที่เหลือมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 2) โครงการลงทุนในคลังสินค้าอัตโนมัติ (Auto Warehouse) แห่งที่ 2 ภายในปี 2566 โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 400 - 500 ล้านบาท สามารถจัดเก็บสินค้าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15,000 - 20,000 พาเลท 3) เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมทั้งระยะสั้นและระยะยาว จำนวนไม่เกิน 700 - 800 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4/2565 และ 4) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ

นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ Head of Investment Banking Capital Market บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า AAI เป็นหุ้นไทยตัวแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง จึงมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมากในช่วงการจองซื้อหุ้น IPO ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตในอนาคต

นอกจากนี้ AAI ยังให้ความสำคัญกับการปฎิบัติตามแผนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง ภายใต้กลยุทธ์ CHEERS! ซึ่งจะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญต่อการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดที่ว่า บริษัทฯ จะเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบในทุกกระบวนการทางธุรกิจ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากแหล่งวัตถุดิบที่ไม่ขัดต่อแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ (Traceability) ผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญต่อการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปฎิบัติต่อคู่ค้าอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ตลอดจนการจัดประเมินผลคู่ค้า เพื่อพัฒนาการประกอบธุรกิจระหว่างกันอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับทิศทางการพัฒนาความยั่งยืนของโลก และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม