กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.10-34.75 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.53 บาท/ต่อดอลลาร์ โดยในปี 2565 นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 201,895 ล้านบาท และ 48,448 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า 3.6% จากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นปีที่สองติดต่อกันและการพุ่งขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ในปี 2565 แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงทั่วโลก วิกฤติพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน การปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)และธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอีกหลายแห่ง รวมถึงการใช้นโยบาย Zero COVID ของจีน สร้างแรงกดดันต่อทั้งราคาสินทรัพย์เสี่ยงและพันธบัตรในวงกว้าง ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯแข็งแกร่งกว่าเศรษฐกิจแห่งอื่น ทั้งนี้ ในปี 2565 เฟดขึ้นดอกเบี้ยรวม 425bp หนุนดัชนีดอลลาร์ขึ้น 7.8% ขณะที่เงินยูโรและเยนอ่อนค่าลง 5.7% และ 13.9% ตามลำดับ
สำหรับสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะติดตามข้อมูลภาคการผลิต ภาคบริการ การจ้างงานเดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ และรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. ของเฟดเพื่อประเมินทิศทางภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป ขณะที่นักลงทุนเตรียมรับภาวะถดถอยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้หลังเฟดคุมเข้มนโยบายการเงินแบบเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาสถานการณ์ในจีนหลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว ทางด้านเงินเยนอาจได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ของผู้ร่วมตลาดที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)อาจยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ แม้บีโอเจระบุว่ายังคงสนับสนุนให้มีการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษต่อไปก็ตาม
สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและพื้นฐานเดือนธ.ค.ของไทยจะขยับสูงขึ้น ทางด้านธปท.รายงานดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน พ.ย.พลิกขาดดุล 0.4 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวจากแรงส่งภาคบริการตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและการบริโภคภาคเอกชน แต่ยังมีปัจจัยฉุดรั้งจากเศรษฐกิจโลกที่จะกระทบการส่งออก อนึ่ง ในระยะนี้ เราคาดว่าตลาดจะติดตามมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการกลับมาต้อนรับผู้เดินทางจากจีนอีกครั้ง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit